posttoday

บอร์ด ร.ฟ.ท.เลือก "วีริศ อัมระปาล" นั่งผู้ว่าการรถไฟคนใหม่

25 กรกฎาคม 2567

บอร์ดการรถไฟฯ อนุมัติผลสรรหา "วีริศ อัมระปาล" นั่งผู้ว่าการรถไฟคนที่ 30 เตรียมตรวจสอบคุณสมบัติ พร้อมเจรจาผลตอบแทน ก่อนเสนอ ครม.ไฟเขียวต้นเดือนก.ย.นี้

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ในฐานะประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า  คณะกรรมการสรรหาผู้ว่าการ ร.ฟ.ท. ได้เสนอผลการพิจารณาผู้เหมาะสมดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.

หลังให้ผู้สมัคร 2 รายเข้าแสดงวิสัยทัศน์ เมื่อวันที่ 24 ก.ค.2567 ซึ่งผลปรากฏว่า นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เป็นผู้มีคะแนนคัดเลือกสูงสุด และพบว่ามีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศของ ร.ฟ.ท.

ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้ คณะกรรมการพิจารณาผลตอบแทน จะเป็นผู้เจรจาอัตราผลตอบแทน และนำกลับมาเสนอบอร์ด ร.ฟ.ท. พิจารณาอนุมัติอีกครั้ง ก่อนเสนอไปยังสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติโดยละเอียด

ทั้งนี้ หากไม่มีคุณสมบัติขัดต่อข้อกำหนด ก็จะเสนอมายัง ร.ฟ.ท. เพื่อรายงานผลไปกระทรวงคมนาคม และนำเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) เบื้องต้นจะใช้เวลาราว 1 เดือน ซึ่งคาดว่าจะเสนอ ครม.พิจารณาอนุมัติในต้นเดือนก.ย.2567

นายวีริศ อัมระปาล เปิดเผยภายหลังเข้าแสดงวิสัยทัศน์ต่อคณะกรรมการ (บอร์ด) สรรหาผู้ว่าฯ  ระบุว่า มั่นใจว่ามีประสบการณ์บริหารองค์กรใหญ่อย่าง กนอ. ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดี

อีกทั้งไม่หนักใจเกี่ยวกับกระแสข่าวที่ตนอาจขัดต่อข้อกำหนดด้านคุณสมบัติ เพราะมาจากหน่วยงานที่เป็นคู่สัญญากับ ร.ฟ.ท. โดยประเด็นนี้ได้ศึกษาข้อกำหนดมาอย่างรอบคอบแล้ว 

ทั้งนี้ ในการแสดงวิสัยทัศน์ ตนได้นำเสนอไอเดียเกี่ยวกับการผลักดันแผนฟื้นฟูกิจการของ ร.ฟ.ท.ให้สัมฤทธิผล โดยจะทำให้อนาคตของการรถไฟฯ จะเป็นองค์กรรัฐวิสาหกิจที่มีความสำคัญ และมีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น 

ส่วนเรื่องหนี้สะสมของ ร.ฟ.ท. ที่มีมูลค่าหลักแสนล้าน ไม่มีความกังวล เพราะทุกองค์กรก็จะมีอุปสรรคอยู่แล้ว โดยตนมองว่าหากผลักดันแผนฟื้นฟูให้เป็นรูปธรรม จะแก้ปัญหาหนี้สะสมได้

“เรื่องเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ เมื่อเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟฯ คือ การดำเนินงานโครงการที่ให้เอกชนร่วมลงทุน โครงการ PPP ต่างๆ โดยเฉพาะโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ที่ต้องผลักดันให้เป็นรูปธรรม รวมทั้งรถไฟไทยจีน รถไฟทางคู่ เพราะเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ”