น้ำท่วม67:แม่สายระทม เชียงรายจม6อำเภอ เดือดร้อน 19,499 ครัวเรือน
สถานการณ์ฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลากท่วมพื้นที่ภาคเนือ เชียงราย ประชาชนได้รับผลกระทบมากที่สุด 6อำเภอ ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 19,499 ครัวเรือน จำนวนผู้เสียชีวิตที่เชียงใหม่มากสุด 6ราย จากเหตุดินโคลนถล่มที่แม่อาย
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสถานการณ์น้ำท่วม67 ประจำวันที่ 12 กันยายน 2567 เวลา 06.00น.ว่า ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 7 จังหวัด ประกอบด้วย เชียงราย เชียงใหม่ ตาก สุโขทัย พิษณุโลก อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา มีพื้นที่ได้รับความเสียหาย 21 อำเภอ 131 ตำบล 545 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ36,199 ครัวเรือน
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานว่า สถานการณ์ฝนตกหนักและน้ำป่าไหลหลากเมื่อวันที่ 10กันยายน 2567 จังหวัดเชียงราย มีพื้นที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด 6 อำเภอ 24ตำบล 71 หมู่บ้าน ประกอบด้วย แม่สาย แม่ฟ้าหลวง แม่จัน เชียงแสน เชียงของ และอ.เมืองเชียงราย ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 19,499 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บ 2 คน รองลงมาคือที่จ.เชียงใหม่ มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 2อำเภอ 5ตำบล 22 หมู่บ้าน ประกอบด้วย แม่อาย ฝาง ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 2,928 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 6 ราย จากดินถล่ม บาดเจ็บ 3คน
เครดิตภาพปก เทศบาลตำบาลแม่สาย
ข้อมูล กรมป้องกัและบรรเทาสาธารณภัย กระทรววงมหาดไทย
เตือนริมโขงปริมาณน้ำมาก เร่งระบายออกพื้นที่กักเก็บ
ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ระบุว่า สทนช. ร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) (สสน.) ประเมินความเสี่ยงที่พายุจรจะพัดเข้าสู่ประเทศไทยในช่วงฤดูฝนนี้ โดยตั้งแต่วันนี้จนถึงประมาณวันที่ 25 กันยายน ยังไม่พบพายุที่จะก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิกหรือทะเลจีนใต้ที่จะส่งอิทธิพลโดยตรงต่อประเทศไทย แต่หลังจากนี้ยังคงต้องมีการติดตามประเมินทิศทางของพายุอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ได้มีการเตรียมความพร้อมรับมือกรณีมีพายุเคลื่อนตัวเข้ามาโดยไม่ประมาท โดยจะต้องเร่งระบายมวลน้ำออกโดยเร็วที่สุดเพื่อให้มีพื้นที่ว่างสำหรับรองรับปริมาณฝนในช่วงหลังจากนี้
ปัจจุบันแม่น้ำโขงมีปริมาณน้ำค่อนข้างมาก และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น สทนช. ได้มอบหมายให้กรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระบายน้ำออกจากอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำมาก เนื่องจากคาดว่าในช่วงสัปดาห์นี้จะมีน้ำไหลเข้าอ่างฯ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเน้นย้ำให้วางแนวทางป้องกันผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ท้ายน้ำ เช่น การเสริมคันกั้นน้ำ สูบระบายน้ำ กำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ เป็นต้น