GISTDA เผยน้ำยังท่วมภาคกลางกว่าล้านไร่ นักวิชาการชี้ทำลายป่าเหตุโคลนถล่ม

ดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า ภาคเหนือ มีพื้นที่ป่าไม้ในปี2566 ประมาณ 37,976,519.37 ไร่ หรือ 63.24% ของพื้นที่ภูมิภาค ลดลงจากปี 2565 ถึง 171,143.04 ไร่

ตัดไม้ทำลายป่าเปลี่ยนภูเขามาเป็นพื้นที่เกษตรกรรมปีละเกือบสองแสนไร่. สาเหตุสำคัญของอุทกภัยและดินถล่มครั้งใหญ่ของ จ.เชียง ราย เชียงใหม่ ลำปาง แพร่ น่านและพะเยา ในปี 2567..สาเหตุฝนตกหนักกว่าเดิมแต่พื้นที่ซับน้ำไม่มี ฝีมือมนุษย์ทั้งนั้น

ก่อนหน้านี้ มูลนิธิสืบนาคะเสถียร เผยว่าในช่วงปี 2566-2567 พื้นที่ป่าไม้ในประเทศไทยลดลงมากที่สุดในรอบ 10 ปี พื้นที่ป่าไม้ของไทยหายไปกว่า 317,819 ไร่ ทำให้ปัจจุบันเหลือพื้นที่ป่าไม้เพียง 31.47% ของประเทศ หรือประมาณ 101,818,155 ไร่ ซึ่งปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงความหลากหลายทางชีวภาพอย่างรุนแรง และแม้จะมีการฟื้นฟูพื้นที่ป่าไม้เพิ่มขึ้นแต่ยังไม่เพียงพอที่จะชดเชยปริมาณที่สูญเสียไป

ทั้งนี้ สาเหตุหลักที่ส่งผลให้พื้นที่ป่าไม้ที่ลดลงมาจากการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน (Land Use Change) จากพื้นที่ที่มีสภาพเป็นป่าไปเป็นพื้นที่เกษตรกรรม พื้นที่ชุมชนหรือสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงสถานการณ์ไฟป่าที่มีความรุนแรงขึ้น (Forest Fire) ซึ่งหลายฝ่ายออกมาระบุว่า เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้สถานการณ์น้ำป่าและดินโคลนถล่มรุนแรงมากขึ้น เช่นในกรณีอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ที่ดินโคลนจำนวนมาก ถูกพัดมาพร้อมกระแสน้ำ สร้างความเสียหายแบบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ขณะที่สำนักงานพัฒนาเทนโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือ GISTDA ระบุว่าดาวเทียมพบพื้นที่บางส่วนในหลายจังหวัดภาคกลางมีน้ำท่วมขังกว่าล้านไร่

โดยจากการที่ GISTDA ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมด้วยข้อมูลภาพจากดาวเทียม Sentinel-1A  ของวันที่ 23 กันยายน 2567 พบน้ำท่วมขังบริเวณพื้นที่บางส่วนของ #สุโขทัย #พิษณุโลก #พิจิตร #พระนครศรีอยุธยา #นครสวรรค์ #อ่างทอง #เพชรบูรณ์ #สุพรรณบุรี #ชัยนาท #สิงห์บุรี #สระบุรี #ลพบุรี และ #อุตรดิตถ์ ประมาณ 1,044,215 ไร่ ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ปลูกข้าว ชุมชนที่อยู่อาศัย และเส้นทางคมนาคม

ซึ่งการประเมินพื้นที่น้ำท่วมขังนี้ได้จาก การวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมโดยประมาณ และสถานการณ์ดังกล่าว GISTDA ได้ส่งข้อมูลภาพจากดาวเทียมดังกล่าวให้กับหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบ เพื่อนำไปใช้สนับสนุนในการบริหารจัดการตามภารกิจ ทั้งด้านการวางแผน และการติดตาม เพื่อประเมินสถานการณ์ต่อไป