posttoday

เปิดคำร้องฝากขัง18บอสมีพฤติการณ์เป็นอาชญากรรมเศรษฐกิจร้ายแรง

22 ตุลาคม 2567

เปิดคำร้องฝากขัง คดี The iCon Group ไม่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจขายตรง แฉพฤติการณ์ 18บอส ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และนำข้อมูลเท็จเข้าคอมพิวเตอร์ เป็นอาชญากรรมเศรษฐกิจร้ายแรงสร้างปัญหาหนี้สิน พฤติกรรมเลียนแบบทำให้การบังคับใช้กฎหมายเสื่อมประสิทธิภาพ

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า คดี The iCon Group หลังพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ได้นำตัวนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล ผู้ต้องหา กับพวกรวม 18 คนมายื่นคำร้องฝากขังครั้งที่ 1 ต่อศาลอาญา ไปก่อนหน้าในความผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” อันเป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 343 และ พรบ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และแก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่2พ.ศ.2560มาตรา 14(1) ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83

ตามรายงานพฤติการณ์แห่งคดีในชั้นยื่นคำร้องฝากขัง พนักงานสอบสวนรายงานศาลอาญาว่า The iCon Group จดทะเบียนตั้งเป็นบริษัทในนามนิติบุคคล เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.2561 มีนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล เป็นกรรมการผู้มีอำนาจจัดการบริษัทแต่เพียงผู้เดียว 

ต่อมาเมื่อวันที่ 2 ส.ค.2562 ได้รับการจดทะเบียนการประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง ตาม พรบ.ขายตรงและตลาดแบบตรง ประกอบกิจการขายสินค้าปลีกทางระบบบตลาดออนไลน์โดยมีสินค้าจำนวน 15 รายการ ประกอบด้วย
1.บูม กลูต้า ช็อตส์
2.บูม คอลลาเจน
3.บูม วิต ชี
4.โกโก้ พลัส
5.ดี-แนกช์ 
6.ชีป ซี, 
7.ยาสีฟัน
8.ไอคอล มีล
9.ไอคอน เฟส เอ็ก โซ ครีม สกิน เพอร์เฟคชั่น
10.ไอคอนเฟส ไอ เซรั่ม นาโนโปร ไฮยา ไลโซม โฮโตร บุสเตอน์
11.ไอคอน เฟส ยูนิเวอร์แซล ซันสกรีม เอสพีเอฟ 50+ พีเอ+++++
12.รุมไฟเบอร์รี
13.กาเเฟปรุงสำเร็จชนิดผง ตรารูมคอฟฟี่
14. ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ชิป 
15.ซิป เวยโปรตีน พลัส มัลติ-วิตามิน 
 

ระหว่างวันที่ 12 ส.ค.2563- 31 ส.ค.2567 บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด กับพวกซึ่งมีผู้ต้องหาเป็นกรรมการผู้มีอำนาจจัดการกับพวกได้ร่วมกันหลอกลวงกลุ่มผู้เสียหาย ด้วยการเปิดรับสมัครให้เข้ารับการอบรมขายสินค้าออนไลน์ โดยหลอกว่าจะสอนวิธีการขายสินค้าออนไลน์ ซึ่งผู้สนใจจะต้องชำระค่าธรรมเนียประมาณ 100บาทต่อคน 

แต่ระหว่างการอบรม ผู้ต้องหากับพวก จะแนะนำชักจุงให้ผู้อบรมร่วมลงทุนซื้อสินค้าของบริษัท ฯ เพื่อนำไปจำหน่าย โดยทำให้หลงเชื่อสินค้าของบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด เป็นสินสินค้าดีมีคุณภาพขายง่าย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่จะลงทุนในแต่ละ คอร์ส เมื่อผู้เสียหายลงทุนซื้อคอร์สไปแล้ว ทางบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด และผู้ต้องหากับพวกจะจัดส่งสินค้าให้ผู้ลงทุนเพื่อนำไปขายต่อ

ต่อมาเมื่อมีผู้เสียหายเข้าไปทำการอบรมคอร์สดังกล่าวมากขึ้น ผู้ต้องหากับพวกเริ่มชักชวนให้กลุ่มผู้เสียหายเข้า ร่วมลงทุนตามแผนการลงทุนที่บริษัทของผู้ต้องหา จัดทำขึ้นและอ้างกับผู้เสียหายว่า สามารถทำกำไรได้เป็นจำนวนจำนวนมากกว่าการขายสินค้าในระบบออนไลน์ โดยแบ่งการลงทุนเป็น

1.Distibutor เปิดบิลซื้อสินค้า 2,500บาท 
2.Superviser เปิดบิลซื้อสินค้า 25,000 บาท 
3. Mini Dealer เปิดขึ้นสินค้า 50,000บาท
และ4.Dealerเปิดบิดสินค้า 250,000บาก 

รวมทั้งผู้อบรมที่ร่วมลงทุนกับกับบริษัทฯ ยังได้สิทธิพิเศษต่างๆ เช่น ได้ส่วนลดสินค้า Git Voucher และทริปไปเที่ยวต่างประเทศโดยมีการเผยแพร่แผนการประกอบธุรกิจการจ่ายค่าตอบแทนเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ด้วยข้อมูลอันเป็นเป็นเท็จ ซึ่งการกระทำดังกล่าวมีจุดประสงค์มุ่งเน้นการหาผลประโยชน์ตอบแทนจากการชักชวนบุคคลอื่นมาสมัครเป็นสมาชิกมากกว่า การขายสินค้าที่ทางบริษัทได้เคยนำเสนอกับทางผู้เสียหาย ซึ่งเป็นการปกปิดข้อเท็จจริงหรือแสดงข้อความอันเป็นเป็นเป็นสาระสำคัญที่ควรระแจ้งให้ผู้เสียหายทราบ 

นอกจากนั้นพบว่าในการชักชวนข้างต้นบริษัทฯโดยผู้ต้องหากับพวกอ้างว่าบริษัทดิไอคอนกรุ๊ปจำกัด ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนในระบบระบบขายตรง ทั้งที่ความเป็นจริง บริษัทฯของผู้ต้องหาไม่ได้รับใบอนุญาตแต่อย่างใดทำให้ผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ลงทุนเข้าใจว่าบริษัทของผู้ต้องหาเป็นบริษัทขายตรงและมุ่งหากำไรจากธุรกิจการสินค้าออนไลน์ ไม่ได้แสวงหากำไรจากระบบหาสมาชิก 

กลุ่มผู้ต้องหาในคดีนี้ได้ร่วมกันกระทำความผิด โดยวิธีการแบ่งหน้าที่กันทำ เพื่อโฆษณาหรือเชิญชวนให้ผู้เสียหายมาร่วมลงทุนกับบริษัทของผู้ต้องหา เพื่อจะได้รับผลตอบแทนในอัตราสูงผู้เสียหายหรือประชาชนทั่วไปหลงเชื่อและเข้าร่วมลงทุนตามที่กล่าวไปข้างต้น แต่ความจริงแล้วบริษัทของผู้ต้องหา และพวก กันพวกไม่มีการนำเงินที่ได้รับจากผู้เสียหายไปประกอนธุรกิรกิจตามที่กล่าวอ้างไว้กับผู้เสียหายแต่อย่างใด เป็นเหตุใด้รับความเสียหาย 

ต่อมา 17 ต.ค.2567 มีผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนตั้งแต่วันที่ 10-17 ต.ค.2567 จำนวนมากถึง 1,759 ราย มูลค่าความเสียหายจำนวนมากถึง 729,824,115 บาทบาท และเชื่อว่าจะมีผู้เสียหายเข้ามาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนอีกจำนวนมาก รวมถึงจะมีมูลค่าความเสียหายเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมากตามไปด้วย 

กลุ่มผู้ต้องหามีการแบ่งหน้าที่กันทำดังนี้

กลุ่มที่ 1 กลุ่มผู้บริหาร
1.บริษัท ดิโอคอนกรุ๊ป จำกัด โดย นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล กรรมการผู้มีอำนาจ
2.นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล ในฐานะส่วนตัว ผู้ต้องหานี้
3.นายจิระวัฒน์ แสงภักดี หรือบองแล็บ ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลระบบ The (Con systern)ของบริษัท ดีไอคอนกรุ๊ป จำกัด
4.นายกลด เศรษฐนันท์ หรือบอสปีเตอร์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้วางแผนการดำเนินการทางธุรกิจให้กับบริษัท

กลุ่มที่ 2 กลุ่มจัดหาสมาชิกให้กับทางบริษัท (แม่ทีม)
1.น.ส.ปัญจรัศม์ กนกรักษ์อนพร.หรือบอสปัน.เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท.และทำหน้าที่ชักจูงผู้เสียหายให้เข้าร่วมลงทุนกันบริษัท(หัวหน้าสาย)
2.ดร.ฐานานนท์ หิรัญไชยวรรณ หรือบอสหมอเอก ทำหน้าที่ชักจูงผู้เสียหายให้เข้าร่วมลงทุนกับบริษัท (หัวหน้าสาย)
3.น.ส.นัฐปสรณ์ ฉัตรธนสรณ์ หรือบอสสวยทำหน้าที่ชักจูงผู้เสียหายให้เข้าร่วมลงทุนกับบริษัท (หัวหน้าสาย)
4.น.ส.ญาติกัญจณ์ เอกชิสนุทงศ์ หรือบอสโซดา ทำหน้าที่ชักจูงผู้เสียหายให้เข้าร่วงทุนกับบริษัท (หัวหน้าสาย)
5.นายนันท์ธรัฐ เชาวนปรีชา หรือบอสโอม ทำหน้าที่ชักจูงผู้เสียหายให้เข้าร่วมลงทุนกับบริษัท(หัวหน้าสาย)
6.นายธวิณทร์ภัส ภูพัฒนรินทร์ หรือบอสวิน ทำหน้าที่ชักจูงผู้เสียหายให้เข้าร่วมลงทุนกับบริษัท(หัวหน้าสาย)
7.น.ส.กนกธร ปรณะสุคนธ์ หรือบอสแม่หญิง ทำหน้าที่ชักจูงผู้เสียหายให้เข้าร่วมลงทุนกับบริษัท (หัวหน้าสาย)
8.น.ส.เสาวภา วงษ์สา หรือบอสอูมมี่ ทำหน้าที่ชักจูงผู้เสียหายให้เข้าร่วมลงทุนกับบริษัท (หัวหน้าสาย)
9.นายเชษฐ์ณภัฏ อภิพัฒนกานต์ หรือบอสทอมมี่ ทำหน้าที่ชักจูงผู้เสียหายให้เข้าร่วมลงทุนกันบริษัท (หัวหน้าสาย)
10 น.ส.หัสยานนท์ เอกชิสนุพงศ์ หรือบอสป๊อป ทำหน้าที่ชักจูงผู้เสียหายให้เข้าร่วมลงทุนกับบริษัท (หัวหน้าสาย)
11.น.ส.วิไลลักษณ์ ยาวิชัย หรือบอสจอย ทำหน้าที่ชักจูงผู้เสียหายให้เข้าร่วมลงทุบบริษัท(หัวหน้าสาย)ย) 
12.นายธนะโรจน์ ธีติจริยาวัชร์ หรือบอสออฟ ทำหน้าที่ชักจูงผู้เสียหายให้เข้าร่วมลงทุนกับบริษัท

กลุ่มที่ 3 กลุ่มพรีเซนเตอร์ ประกอบด้วย

1.นายยุรนันท์ ภมรมนตรี หรือบอสแซม ทำหน้าที่เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับบริษัทเพื่อสร้างความาเชื่อถือถือ และอ้างว่าตนเองเป็นผู้บริหารของบริษัททั้งที่ในความเป็นจริงผู้ต้องหารายนี้ไม่ได้เป็นผู้บริหารของทางบริษัท การแอบอ้างข้างข้างต้นเป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและนำเงินมาร่วมลงทุนกับบริษัทฯ

2.น.ส.พิชญา วัฒนามนศรี หรือบอสมีน ทำหน้าที่เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับบริษัทเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และอ้างว่าตนเองเป็นผู้บริหารของบริษัททั้งที่ในความเป็นจริงผู้ต้องหารายนี้ไม่ได้เป็นผู้บริหารของทางบริษัทการแอบอ้างข้างต้นเป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและนำเงินมาร่วมลงทุนกับบริษัทฯ

3.นายกันต์ กันตถาวร หรือบอสกันต์ ทำหน้าที่เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับทางบริษัทเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และอ้างว่าตนเองเป็นผู้บริหารของบริษัททั้งที่ในความเป็นจริงผู้ต้องหารายนี้ได้เป็นผู้บริหารของทางบริษัทการแอบอ้างข้างต้นเป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและนำเงินมาร่วมลงทุนกับบริษัทฯ

นอกจากนี้ยังพบว่ามีการชักชวนให้ผู้เสียหายมาลงทุนรูปแบบต่างๆ อีกส่วนหนึ่งด้วย

ในชั้นฝากขังพนักงานสอบสวนได้ยื่นคำขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราวโดยให้เหตุผลหลายประการว่า เนื่องจากพฤติการณ์การกระทำความผิดของผู้ต้องหากับพวกเป็นการร่วมกันกระทำความผิดที่มีลักษณะเป็นกลุ่มขบวนการมีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างเป็นระบบคดีมีความยุ่งยากสลับซับซ้อน ส่งผลกระทบต่อสังคมในวงกว้างทั่วราชอาณาจักร โดยมีผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนตั้งแต่วันที่ 10-17 ตุลาคมพ.ศ. 2567 จำนวนมากถึง 1,759รายมูลค่าความเสียหายจำนวนมากถึง 729,824,115 บาท(เจ็ดร้อยยี่สิบเก้าล้านแปดแสนสองหมื่นสี่พันหนึ่งร้อยสิบห้าบาท) และเชื่อว่าจะมีผู้เสียหายเข้ามาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนอีกจำนวนมาก 

รวมถึงจะมีมูลค่าความเสียหายเพิ่มขึ้น อีกเป็นจำนวนมากตามไปด้วย ถือว่าเป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่ร้ายแรงก่อให้เกิดความเสียหายเชิงเศรษฐกิจและสังคมในวงกว้างทำให้เงินไหลออกนอกระบบ  สร้างปัญหาหนี้สินและสร้างพฤติกรรมเลียนแบบหวังรวยทางลัดโดยสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น รวมทั้งคดีนี้มีอัตราโทษสูงหากผู้ต้องหาได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวเกรงว่าจะหลบหนีจะยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานซึ่งจะก่อเหตุอันอันตรายประการอื่นและยากแก่การติดตามตัวมาดำเนินคดีในภายหลังรวมถึงอาจจะ โอนหรือยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินของตนที่ได้ไปจากการกระทำความผิดไปให้กับผู้อื่นทำให้ไม่สามารถนำทรัพย์สินดังกล่าวกลับมาคุ้มครองสิทธิ์เพื่อชดใช้ให้แก่ผู้เสียหายได้อาจส่งผลให้การบังคับใช้กฎหมายเสื่อมประสิทธิภาพ