ไพศาล ชี้ ออกโฉนดให้ที่ดินพระราชทานเขากระโดง ผิดกฎหมายตั้งแต่ต้น
ไพศาล พืชมงคล ชี้ กรมที่ดินออกโฉนด ให้แก่ที่ดินพระราชทานเขากระโดง 5,083 ไร่ เป็นการทำความผิดกฎหมายมาตั้งแต่ต้น
ไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก กรณีปัญหาที่ดินเขากระโดง โดยระบุว่า
การออกโฉนดที่ดินที่ทรงพระราชทานให้แก่การรถไฟ ที่เขากระโดง 5,083 ไร่ เป็นการทำผิดกฎหมายมาตั้งแต่ต้น และผู้ทำผิดกฎหมายก็คือกรมที่ดินนี่เอง การตรวจสอบไต่สวนเรื่องนี้ ควรจะตรวจสอบไต่สวนให้ครอบคลุมไปถึงการออกโฉนดที่ดินด้วย ว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบและยังสามารถเอาผิดใครได้บ้างและเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจมากว่า สามารถหรือบังอาจกระทำความผิดขนาดนี้ได้อย่างไร เพราะที่ดินเขากระโดงนั้นชัดเจนว่าเป็นที่ดินที่มีพระบรมราชโองการของรัชกาลที่ 5 พระราชทานให้แก่การรถไฟเป็นเนื้อที่ 5,083 ไร่ และต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6 ก็มีการตราพระราชกฤษฎีกาให้เป็นที่ดินของการรถไฟซ้ำเข้าไปอีกจะอ้างว่าไม่ทราบว่ามีพระราชกฤษฎีกาและพระบรมราชโองการย่อมไม่ได้เพราะเป็นกฎหมาย เท่ากับอ้างว่าไม่รู้กฎหมายย่อมอ้างไม่ได้ และเมื่ออ้างไม่ได้ ก็ต้องถือว่ากรมที่ดินรู้กฎหมาย รู้เรื่องนี้ แล้วยังบังอาจเอาที่ดินพระราชทาน แบ่งออกเอกสารสิทธิ์ให้นักการเมืองได้อย่างไร
มาแบบนี้เมื่อ 3 สูงสุดถึง 2 ศาลพิพากษา ว่าเป็นที่ดินของการรถไฟและให้เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ ก็ยังบังอาจดื้อแพ่ง ฝ่าฝืนคำพิพากษาไม่ยำเกรงอำนาจตุลาการ ไม่ยอมเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ และยังตีโวหาร ทำให้ประชาชนเจ็บใจไปทุกวัน
สำหรับนักการเมืองและข้าราชการที่ยังยืดดื้อแพ่งไม่ยอมปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลสูงสุดนั้น ก็มีเหตุผลอย่างเดียวที่บังอาจกระะทำเช่นนั้นเพราะฮึกเหิมลำพองหลงในอำนาจว่ามีอำนาจเหนือฟ้า สามารถกระทำย่ำยีพระบรมราชโองการ พระราชกฤษฎีกา แม้คำพิพากษาของศาลสูงสุดได้
พวกที่บังอาจกระทำการเช่นนี้ ไม่เคยมีปรากฏมาก่อน
การที่นักการเมืองและข้าราชการที่มีอำนาจบังอาจกระทำการเช่นนี้ แสดงว่ามีโมหะ บ้าอำนาจ เหลิงอำนาจ หลงอำนาจ เข้าครอบงำจิตใจจนไม่เป็นผู้เป็นคนไปแล้ว
จึงเป็นอันตรายร้ายแรงต่อประเทศชาติและประชาชน ดังนั้น ผู้มีหน้าที่ในการปราบปรามทั้งหลาย จะต้องเร่งมือ เพื่อไม่ให้บ้านเมืองบอบช้ำเสียหายไปมากกว่านี้
ไม่ได้ยินหรือ เสียงเรียกร้องของประชาชนกึกก้องกระหึ่ม ขอให้ทหารเข้ามายึดอำนาจกวาดล้างนักการเมืองชั่วข้าราชการทราม เต็มไปทั้งบ้านทั้งเมืองแล้ว