posttoday

เช็คด่วน 10จังหวัด เตือนภาคใต้ฝนตกหนัก มีผลกระทบไปจนถึง30พ.ย.67

29 พฤศจิกายน 2567

กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศ เรื่อง ฝนตกหนักบริเวณภาคใต้ คลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทยตอนล่าง และอากาศหนาวเย็นบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 8 (315/2567) มีผลกระทบจนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567

บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ภาคใต้ตอนบน และทะเลจีนใต้ ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังค่อนข้างแรง ในขณะที่หย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณช่องแคบมะละกาและประเทศมาเลเซีย ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมาก   บางแห่ง บริเวณ

  1. จังหวัดสุราษฎร์ธานี 
  2. นครศรีธรรมราช 
  3. พัทลุง
  4. สงขลา 
  5. ปัตตานี
  6. ยะลา 
  7. นราธิวาส 
  8. กระบี่ 
  9. ตรัง 
  10. และสตูล 

ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน  น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม รวมทั้งประชาชนในภาคใต้ ฝั่งตะวันออกควรระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง

ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2–3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตรทะเลอันดามัน มีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยตอนล่าง ควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันดังกล่าวไว้ด้วย
 

สำหรับบริเวณประเทศไทยตอนบน และภาคใต้ตอนบนมีอากาศเย็นลง กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลงอีก 1–2 องศาเซลเซียส โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบนมีอากาศเย็นในตอนเช้า

ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าว ดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เย็นลง รวมถึงให้ระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่อาจจะเกิดขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศแห้งและลมแรง จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

กรมอุตุนิยมวิทยา

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย
06:00 น. วันนี้ ถึง 06:00 น. วันพรุ่งนี้

  • ภาคเหนือ

อากาศเย็นในตอนเช้า กับมีแรง และอุณหภูมิจะลดลง 1–2 องศาเซลเซียส 
อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศาเซลเซียส 
อุณหภูมิสูงสุด 28-32 องศาเซลเซียส  
บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-13 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. 

  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

อากาศเย็นถึงหนาว กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส 
อุณหภูมิต่ำสุด 14-19 องศาเซลเซียส 
อุณหภูมิสูงสุด 27-30 องศาเซลเซียส 
บริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

  • ภาคกลาง

อากาศเย็นในตอนเช้า กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลงอีกเล็กน้อย
อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศาเซลเซียส  
อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส 
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. 

  • ภาคตะวันออก

อากาศเย็นในตอนเช้า กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลงอีกเล็กน้อย
อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส 
อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส 
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. 
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร 

  • ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)

อากาศเย็นในตอนเช้า กับมีลมแรง ทางตอนบนของภาค
โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง
บริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส 
อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 24-31 องศาเซลเซียส
ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชขึ้นมา : ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ตั้งแต่จังหวัดสงขลาลงไป : ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร

  • ภาคใต้(ฝั่งตะวันตก)

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดกระบี่ ตรัง และสตูล
อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 25-29 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร 
บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

  • กรุงเทพและปริมณฑล

อากาศเย็นในตอนเช้า กับมีลมแรง 
อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส 
อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส 
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.