"เจ้าชายลามะน้อย" พระราชนัดดากษัตริย์จิ๊กมี่ เยี่ยม "พระพรหมสิทธิ"
"เจ้าชายลามะน้อย" พระราชนัดดากษัตริย์จิ๊กมี่ เชื้อพระวงศ์ภูฎาน เสด็จเยี่ยม "พระพรหมสิทธิ" กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดสระเกศ
เว็บไซต์ thebuddh ราย งาน เมื่อวันที่ 21มกราคมที่ผ่านมา สมเด็จพระไวโรจนะ รินโปเช (H.E. Vairochana Rinpoche) เจ้าชายลามะน้อย ผู้เป็นพระราชนัดดาของสมเด็จพระราชาธิบดีชิกเม/จิ๊กมี่ (H.M. King Jigme Khesar Namgyel Wangchuck) แห่งราชอาณาจักรภูฏาน พร้อมด้วยพระอัยยิกา สมเด็จพระชนนีดอร์เจ วังโม วังชุก (H.M. Queen Mother Dorji Wangmo Wangchuck), พระมารดา เจ้าหญิง โซนัม เดเชน วังชุก (H.R.H. Princess Sonam Dechan Wangchuck) และพระบิดา นายพลเชอริง ดอร์เจ (Major Tshering Dorji) ได้เสด็จมาพบพระพรหมสิทธิ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร โดยมีคณะสงฆ์และศิษยานุศิษย์วัดสระเกศ ถวายการต้อนรับอย่างอบอุ่น ณ ตำหนักสมเด็จพระสังฆราช วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร การเสด็จมาในครั้งนี้จึงเป็นการสะท้อนถึงสายสัมพันธ์ลึกซึ้งที่ผูกพันกันด้วยพระพุทธศาสนา
สมเด็จพระไวโรจนะ รินโปเช หรือ เจ้าชายลามะน้อยแห่งราชวงศ์ภูฏาน ทรงผนวชในพระพุทธศาสนาตันตรยาน พระองค์ทรงระลึกชาติได้ว่าเคยมีชีวิตอยู่เป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยนาลันทา ประเทศอินเดีย เมื่อประมาณ 830 ปีก่อน โดยทรงจำสถานที่ต่าง ๆ และสามารถบอกตำแหน่งห้องพัก ห้องเรียน ภายในมหาวิทยาลัยนาลันทา โดยปรากฏชัดเจนตั้งแต่พระชันษาเพียง 3 ปี ครั้งนั้นพระพรหมสิทธิ มีโอกาสเข้าเฝ้าพระองค์และพระบรมวงศานุวงศ์ที่พระราชวังในภูฏาน ซึ่งทางพระราชวังได้จัดพิธีต้อนรับเป็นอย่างดี การพบปะในครั้งนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ทางศาสนาอันแน่นแฟ้น ด้วยหลังจากนั้น สมเด็จพระไวโรจนะ รินโปเช พร้อมด้วยพระอัยยิกา พระมารดา และครอบครัว ได้มาประเทศไทยเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2561 ก็ตั้งใจมาเยี่ยมพระพรหมสิทธิด้วยความระลึกถึง โดยมีวัดสระเกศ เป็นหมุดหมายสำคัญอันดับแรก พระพรหมสิทธิจึงได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ที่สืบเนื่องมาถึงครั้งนี้ว่าเป็นมิตรภาพทางศาสนาที่เกิดขึ้นด้วยความเคารพและศรัทธา
การมาพบพระพรหมสิทธิในครั้งนี้ สมเด็จพระชนนีดอร์เจ วังโม วังชุก ได้กล่าวว่า ”ทุกครั้งที่จะเสด็จมาประเทศไทย ก็ทรงนึกถึงวัดสระเกศเป็นแห่งแรก ท่านรินโปเชทรงรักและรู้สึกผูกพันในพระพรหมสิทธิมาก เหมือนได้มาเยี่ยมเยียนครอบครัวอีกครั้ง ทรงรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้รับน้ำใจไมตรีและการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากพระพรหมสิทธิและคณะ“
ส่วนสมเด็จพระไวโรจนะ กล่าวว่า “เราขอขอบคุณท่านเจ้าอาวาสที่ได้ต้อนรับเราในครั้งนี้ เราไม่รู้จะพูดอะไร เราดีใจจนพูดไม่ออก เป็นความรู้สึกดีใจ เป็นความยินดีมาก ๆ…” และได้ทรงอวยพรให้พระพรหมสิทธิและคณะมีความสุขเนื่องในโอกาสปีใหม่ การแสดงออกอย่างจริงใจและซื่อตรงของพระองค์เป็นที่สร้างรอยยิ้มให้กับทุกท่านในที่ประชุม หลังจากสนทนากันเป็นที่เรียบร้อย พระพรหมสิทธิได้มอบหมายให้คณะสงฆ์วัดสระเกศ นำคณะราชอาณาจักรภูฏานขึ้นสู่พระบรมบรรพตภูเขาทองเพื่อถวายสักการะพระบรมสารีริกธาตุ
การพบปะครั้งนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงมิตรภาพระหว่างไทยและภูฏาน แต่ยังชี้ให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของพระพุทธศาสนา เป็นเครื่องยืนยันว่าพระพุทธศาสนาเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น และยังคงเป็นแสงสว่างนำทางในการเชื่อมโยงผู้คนและประเทศต่าง ๆ ให้มารวมตัวกันด้วยความรักและเมตตา