'ประกันสังคม' เห็นชอบปรับ เพดานเงินสมทบสูงสุดคำนวนที่ 23,000 บาท!
บอร์ด 'ประกันสังคม' เห็นชอบปรับเงินสมทบจัดเก็บเข้ากองทุนฯ แตะเพดานสูงสุดคำนวนที่ 23,000 บาทต่อเดือน โดยจะปรับตามขั้นบันได ยืนยันสิทธิประโยชน์มากขึ้นตามเงินที่ปรับ คาดเริ่มดำเนินการปี 2569
สำนักงานประกันสังคม และกระทรวงแรงงาน เห็นชอบ ปรับเงินสมทบจัดเก็บเข้ากองทุนประกันสังคม โดยกำหนดค่าจ้างขั้นสูงที่ใช้คำนวนเงินสมทบของผู้ประกันตนมาตรา 33 ขยับเพดานเป็น 23,000 บาท เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานองค์การแรงงานระหว่างประเทศว่า เพดานค่าจ้างควรสูงกว่าค่าจ้างเฉลี่ยประมาณ 1.25 เท่า เพื่อให้ดูแลสิทธิประโยชน์ได้เพียงพอหรือพอใช้ จากเดิมที่มีการกำหนดไว้ไม่เกิน 15,000 บาท ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534
นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการประกันสังคม(บอร์ดประกันสังคม) กล่าวว่า ในการประชุมบอร์ดประกันสังคมเมื่อวันที่ 21 ม.ค.2568 เห็บชอบกฎกระทรวงที่จะปรับปรุงเพดานค่าจ้าง เงินสมทบประกันสังคม เป็นแบบขั้นบันได 3 ขั้น จากเดิม 15,000 บาทเป็น ในปี 2569-2571 สูงสุด 17,500 บาท ,ปี 2572-2574 สูงสุด 20,000 บาท และตั้งแต่ปี 2575 เป็นต้นไป สูงสุด 23,000 บาท หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ และมีผู้แสดงความคิดเห็นมากกว่า 2 แสนคน โดย 95% เห็นด้วย
โดยหลังจากนี้จะส่งกฎกระทรวงเข้าคณะกรรมการกฎหมายของกระทรวงแรงงาน ก่อนนำเสนอต่อรมว.แรงงานพิจารณาก่อนนำเข้าสู่การพิจารณาของครม.ต่อไป ซึ่งคาดว่ากระบวนการทั้งหมดจะแล้วเสร็จภายใน 4-5เดือนนี้ และจะเริ่มดำเนินการในปี 2569 ซึ่งกฎกระทรวงต้องออกมาก่อนการบังคับใช้ 6 เดือน
ขณะที่ นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า สำนักงานประกันสังคม ได้ปรับปรุงสิทธิประโยชน์ที่ไม่ได้อิงกับฐานเพดานค่าจ้างให้แก่ผู้ประกันตนตลอดมา เพื่อความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ เช่น กรณีคลอดบุตรในปี 2538 ได้รับสิทธิประโยชน์ 4,000 บาทต่อครั้ง ปัจจุบันเป็น 15,000 บาทต่อครั้ง เงินสงเคราะห์บุตร ปี 2541 ได้รับ 150 บาทต่อเดือนต่อบุตร 1 คนสูงสุด 2 คน ปัจจุบัน 800 บาทต่อเดือนต่อบุตร 1 คน สูงสุด 3 คน และกรณีเสียชีวิต เงินค่าทำศพ ในปี 2538 จ่ายเป็นจำนวนเงิน 20,000 บาท ปัจจุบัน 50,000 บาท เป็นต้น
ส่วนสิทธิประโยชน์ที่อิงกับฐานเพดานค่าจ้าง ทั้งเงินทดแทนการขาดรายได้ ,กรณีเจ็บป่วย , กรณีทุพพลภาพ, กรณีว่างงาน, เงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตร, เงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต และเงินบำเหน็จ บำนาญชราภาพนั้น เมื่อไม่มีการปรับฐานเพดานค่าจ้าง ทำให้ผู้ที่มีค่าจ้างมากกว่า 15,000 บาท ถูกจำกัดสิทธิประโยชน์ไว้ และไม่สอดคล้องกับค่าจ้างจริงในปัจจุบัน จึงสมควรปรับปรุงฐานเพดานค่าจ้างให้เหมาะสม ให้ผู้ประกันตนได้รับสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มขึ้น และสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ
สิทธิประโยชน์หลังปรับอัตราเงินสมทบได้แก่
ในปี 2567 เพดานค่าจ้าง สูงสุด 15,000 บาท จ่ายเงินสมทบประกันสังคมสูงสุด 750 บาทต่อเดือน สิทธิประโยชน์ที่ได้รับ 6 กรณี คือ
1.เงินทดแทนกรณีเจ็บป่วย 7,500 บาทต่อเดือน (250 บาทต่อวัน สูงสุด 180 วัน รวม 45,000 บาท)
2.เงินสงเคราะห์คลอดบุตร 22,500 บาทต่อครั้ง
3.เงินทดแทนกรณีทุพพลภาพ 7,500 บาทต่อเดือน
4.เงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต 90,000 บาท
5.เงินทดแทนกรณีว่างงาน 7,500 บาทต่อเดือน
6.เงินบำนาญ กรณีส่งเงินสมทบ 15 ปี 3,000 บาทต่อเดือน ส่วนกรณีส่งเงินสมทบ 25 ปี 5,250 บาทต่อเดือน
แต่เมื่อมีการปรับเพดานค่าจ้างเพิ่มขึ้น สิทธิประโยชน์ 6 กรณีจะเพิ่มขึ้นด้วย โดยปี 2569-2571 ที่จะมีการปรับเป็นค่าจ้าง 17,500 บาท จ่ายเงินสมทบประกันสังคมสูงสุด 875 บาทต่อเดือน
1. เงินทดแทนกรณีเจ็บป่วย 8,750 บาทต่อเดือน (291 บาทต่อวัน สูงสุด 180 วัน รวม 52,500 บาท)
2. เงินสงเคราะห์คลอดบุตร 26,250 บาทต่อครั้ง
3. เงินทดแทนกรณีทุพพลภาพ 8,750 บาทต่อเดือน
4. เงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต 105,000 บาท
5. เงินทดแทนกรณีว่างงาน 8,750 บาทต่อเดือน
6. เงินบำนาญ กรณีส่งเงินสมทบ 15 ปี 3,500 บาทต่อเดือน ส่วนกรณีส่งเงินสมทบ 25 ปี 6,125 บาทต่อเดือน
ปี 2572-2574 ที่จะมีการปรับเป็นค่าจ้าง 20,000 บาท จ่ายเงินสมทบสูงสุด 1,000 บาทต่อเดือน
1. เงินทดแทนกรณีเจ็บป่วย 10,000 บาทต่อเดือน (333 บาทต่อวัน สูงสุด 180 วัน รวม 60,000 บาท)
2. เงินสงเคราะห์คลอดบุตร 30,000 บาทต่อครั้ง
3. เงินทดแทนกรณีทุพพลภาพ 10,000 บาทต่อเดือน
4. เงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต 120,000 บาท
5. เงินทดแทนกรณีว่างงาน 10,000 บาทต่อเดือน
6. เงินบำนาญ กรณีส่งเงินสมทบ 15 ปี 4,000 บาทต่อเดือน ส่วนกรณีส่งเงินสมทบ 25 ปี 7,000 บาทต่อเดือน
ปี 2575 เป็นต้นไป ที่จะมีการปรับเป็นค่าจ้าง 23,000 บาท จ่ายเงินสมทบสูงสุด 1,150 บาทต่อเดือน
1. เงินทดแทนกรณีเจ็บป่วย 11,500 บาทต่อเดือน (383 บาทต่อวัน สูงสุด 180 วัน รวม 69,000 บาท)
2. เงินสงเคราะห์คลอดบุตร 34,500 บาทต่อครั้ง
3. เงินทดแทนกรณีทุพพลภาพ 11,500 บาทต่อเดือน
4. เงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต 138,000 บาท
5. เงินทดแทนกรณีว่างงาน 11,500 บาทต่อเดือน
6. เงินบำนาญ กรณีส่งเงินสมทบ 15 ปี 4,600 บาทต่อเดือน ส่วนกรณีส่งเงินสมทบ 25 ปี 8,050 บาทต่อเดือน