“ทุนจีนสีเทา” รุกไทย "รังสิมันต์ โรม" แนะ รัฐบาลควรทำงานเชิงรุก
"รังสิมันต์ โรม" เผย รัฐบาลไม่รู้วิธีรับมือ "ทุนจีนสีเทา" รุกไทย แนะ ควรทำงานเชิงรุก หารือจีนแก้ปัญหาอาชญากรข้ามชาติ
ปัญหาทุนจีนสีเทา ในประเทศไทยเป็นปัญหาเรื้อรังมานานและยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งคนกลุ่มนี้อาจมองเห็นช่องทางทำเงินที่ง่ายต่อการกระทำผิดกฎหมาย ซึ่งหากปล่อยไว้จะก่อให้เกิดผลเสียในหลายมิติ เช่น ภาพลักษณ์ของประเทศ หรือ ระบบเศรษฐกิจของประเทศ
รังสิมันต์ โรม เป็นอีกหนึ่งคนที่มองเห็นปัญหาดังกล่าว ได้เปิดเผยว่า ปัจจุบันรัฐบาลไม่มีนโยบายหรือแนวทางอะไรเลย รัฐบาลไม่รู้ว่าต้องรับมือกับทุนสีเทาและอาชญากรข้ามชาติอย่างไร ซึ่งการที่ไม่มีนโยบายหรือแนวทางทำให้วันนี้ยุทธศาสตร์ของรัฐบาลอยู่ในสถานการณ์ที่เน้นการตั้งรับ ในลักษณะเรื่องเกิด เป็นข่าว จัดการ แต่ไม่มีมาตรการเชิงรุกในการที่จะป้องกันหรือคิดไปไกลถึงว่าพวกอาชญกรข้ามชาติเหล่านี้มีเครือข่าย มีขบวนการมีการแบ่งงานกันทำอย่างไร
ทำให้สุดท้ายไม่ได้มีความคิดในเรื่องของที่จะไปทำลายโครงสร้างของพวกอาชญากรข้ามชาติหรือทุนสีเทา ดังนั้นถ้าเราเห็นปัญหาตรงนี้ วิธีการที่จะทำคือกำกับในสิ่งเหล่านี้นั่นก็คือการที่จะต้องมีการคิดไปไกลถึงว่าขบวนการพวกนี้มีเครือข่ายอย่างไรเกี่ยวข้องกับใคร ยกตัวอย่างเช่น ตู้ห่าว เคยเป็นประเด็นเมื่อนานมาแล้วถ้ามันมีการขยายผลไม่ว่าจะเป็นการขยายผลใครบ้างที่เกี่ยวข้องใครเป็นลมใต้ปีก และตู้ห่าว ยังมีทุนจีนอื่นที่เกี่ยวข้องหรือไม่ต้องมีการขยายผลในลักษณะนี้ผมคิดว่ามันจะนำไปสู่การทำลายโครงสร้างได้
ฉะนั้นวันนี้เราอาจจะเริ่มจากปัญหาเป็นเคสบายเคสได้แต่ต้องมีการแบ่งงานเชิงรุก นอกจากนี้ ตนคิดว่าการทำงานกับรัฐบาลจีนมีความจำเป็น โดยเฉพาะการที่เราจะได้รู้ว่าข้อมูลจีนเทาทั้งหลายมันมีใครบ้าง ภาพเราดูเหมือนใกล้ชิดกับรัฐบาลจีนแต่ในความเป็นจริงไม่แน่ใจว่าเราใกล้ชิดจริงๆหรือเปล่า เพราะก็เป็นห่วงว่าทางการจีนก็อาจจะไม่ไว้ใจเราเพราะว่ามันมีทุนสีเทาหลายส่วนที่อาจจะมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคนที่มีอำนาจในประเทศไทย
ดังนั้นผมคิดว่าการปราบคอรัปชั่นในหมู่ข้าราชการก็เป็นเรื่องที่มีความจำเป็นไม่แพ้กันและเราต้องทำงานกับประเทศต่างๆไม่ว่าจะเป็นทางการจีน หรือ สหรัฐอเมริกา เพื่อที่จะดูว่ามีใครบ้างและจะมีการปรับตามอย่างไร เพราะกลุ่มคนพวกนี้เวลาเขาจะเข้ามายึดประเทศไทย หรือเข้ามามีอำนาจในประเทศไทยเขาเข้ามาเป็นขบวนการ ฉะนั้นเราควรจะต้องมีข้อมูลที่เพียงพอในการปราบปรามเรื่องนี้ คนเป็นอาชญากรข้ามชาติประเทศไทยเองทำไม่ได้คนเดียว จะต้องพูดคุยกับประเทศอื่นเราเองไม่ค่อยเห็นการจัดการ การเตรียมการของรัฐบาลไทยมากเท่าไหร่
ที่ผ่านมาทราบว่ากปล่อยให้ทางตำรวจรับมือไปตามยถากรรม จริงๆถ้ามันเป็นคดีนโยบายเป็นเรื่องที่มีความสำคัญแบบนี้เนี่ยตนคิดว่าการสนับสนุนในแง่ของงบประมาณเครื่องมือการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารหรือแม้แต่การให้คะแนนพิเศษกับผู้ที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือตำรวจที่สามารถกำราบพวกสีเทาเหล่านี้ได้ และอาจจะส่งผลถึงความก้าวหน้าในหน้าที่การงานด้วย จะมีส่วนช่วยในการทำให้บรรดาทุนสีเทาเหล่านี้ทุกกำราบได้ง่ายดายมากขึ้น