posttoday

"บิ๊กเต่า" นำทีม รวบ! แก๊งอดีตรองผอ. รพ.ทหารผ่านศึก ทุจริตยา

26 มีนาคม 2568

"บิ๊กเต่า" นำทีม รวบ! แก๊งอดีตรองผู้อำนวยการหญิง รพ.ทหารผ่านศึก "ทุจริตยา" อึ้ง! ทำเป็นขบวนการมีเครือข่ายแม่ทีม-ลูกทีม

ตำรวจสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และ องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก

พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว

ร่วมกันจับกุม 8 ผู้ต้องหา ขบวนการทุจริตยาโรงพยาบาลทหารผ่านศึก ประกอบด้วย

 

1. แพทย์หญิงหรือนางสาวบรินดาฯ อายุ 48 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 38/68

 

ในความผิดฐาน

-เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนเอง หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต

 

-เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

 

-เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสารฯ และเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ฯ

 

ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 157, 162(1)(2)(3) และ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172

 

สถานที่จับกุม บ้านพัก ซอยสุคนธสวัสดิ์ ๓ แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าง กรุงเทพมหานคร

 

2. พันเอกหญิงหรือนางสาวกัญยารัตน์ฯ อายุ 59 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 39/68

 

สถารที่จับกุมบ้านพักข้าราชการทหาร แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร

3. นายสมปราชฯ อายุ 49 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 40/68

 

สถานที่จับกุม บ้านพัก ตำบลประจันตคาม อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี  

 

4. ร้อยตรีหญิง ภาวนาฯ อายุ 49 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 41/68

 

สถานที่จับกุม บ้านพัก ตำบลประจันตคาม อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี  

 

5. นางสาวสุรีย์ฯ อายุ 50 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 42/68

 

สถานที่จับกุม บ้านพักถนนแสงจันทร์-รูเบีย แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร

 

6. นายสมพงศ์ฯ อายุ 53 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 43/68

 

สถานที่จับกุม บ้านพักถนนแสงจันทร์-รูเบีย แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร

 

7. นายทินกรฯ อายุ 49 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 44/68

 

สถานที่จับกุม สภ.เมืองลพบุรี ต.เขาสามยอด อ.เมืองลพบุรี จ.ลพบุรี

 

8. นางอภิญญาฯ อายุ 56 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 45/68 ในความผิดฐาน 

 

-เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนเอง หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต

 

-เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

-เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสารฯ และเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ฯ

 

ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 157, 162(1)(2)(3) และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86

 

สถานที่จับกุม โรงพยาบาลอานันทมหิดล ต.เขาสามยอด อ.เมืองลพบุรี จ.ลพบุรี

แพทย์หญิงบรินดา อายุ 48 ปี แพทย์หญิงบรินดา อายุ 48 ปี

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากผู้อำนวยการองค์การทหารผ่านศึก มาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ให้ดำเนินการคดีกับแพทย์หญิงบรินดาฯ กับพวก 

 

กรณี มีขบวนการทุจริตยาของโรงพยาบาลเพื่อนำไปขายต่อให้กับบุคคลภายนอก โดยจากการรวบรวมพยานหลักฐานได้ความว่า เมื่อปี พ.ศ.2561 ถึง พ.ศ.2568 แพทย์หญิงบรินดาฯ ขณะดำรงตำแหน่ง รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลทหารผ่านศึก (ฝ่ายการแพทย์) และปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ชำนาญการ โรงพยาบาลทหารผ่านศึก ที่มีหน้าที่ในการวินิจฉัยและรักษาอาการผู้ป่วยทั่วไป

 

ได้กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ เป็นลักษณะของการแบ่งหน้าที่ทำกับ นางสาวกัญญารัตน์ฯ และพวก โดยนางสาวกัญญารัตน์ฯ เป็นผู้ทำหน้าที่ชักชวนกลุ่มบุคคลในลักษณะเครือข่ายแม่ทีม และลูกข่ายในพื้นที่จังหวัดลพบุรี ซึ่งเป็นกลุ่มบุคคลที่มีสิทธิเบิกจ่ายตรงในการรักษาพยาบาลกับกรมบัญชีกลาง

 

ตระเตรียมวางแผนให้ผู้เข้าร่วมขบวนการที่จะมาตรวจรักษากับแพทย์หญิงบรินดาฯ ว่าจะต้องแจ้งกับพยาบาลว่าอย่างไร แต่ละรายจะต้องทานอะไรมาก่อน ต้องแจ้งแพทย์ว่ามีอาการอย่างไร จะต้องขอยาอะไรเพิ่มบ้างเพื่อให้ได้ ยาแผนปัจจุบันมา

 

แล้วนำยาดังกล่าวทั้งหมดไปขายเพื่อนำเงินที่ได้มาแบ่งให้กับผู้ร่วมขบวนการในการทุจริตยาของโรงพยาบาลทหารผ่านศึก

 

ซึ่งลูกทีมแต่ละคนจะได้รับค่าตอบแทนรายละ 500 บาทต่อครั้ง และหากนำยาออกมาจากโรงพยาบาลจะได้ค่าจ้าง 10% จากยอดเงินตามใบเสร็จค่ารักษาพยาบาล หรือตามที่แม่ทีมได้ตกลงกับลูกทีมในแต่ละรายไว้

 

ส่วนแม่ทีมจะได้ค่าตอบแทนจากนางสาวกัญญารัตน์ฯ เป็นรายหัวตามจำนวนลูกทีม หัวละ 1,500 บาท อีกทั้งและมีการจัดหารถรับส่งคนมาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทหารผ่านศึกด้วย

 

จากการสืบสวนทราบว่าในขบวนการนี้มีแม่ทีมทั้งหมด 6 สาย แต่ละสายมีลูกทีมประมาณ 80-100 คน วนเวียนมาพบแพทย์หญิงบรินดาฯ ตามนัดเพื่อรับยา

 

เมื่อได้ยามาแล้ว แม่ทีมจะเก็บยาทั้งหมด ใบเสร็จ และใบนัด นำไปมอบให้กับนางสาวกัญญารัตน์ฯ หรือบางครั้งนางสาวกัญญารัตน์ฯ จะมารับยาจาก แม่ทีม พร้อมทั้งจ่ายเงินให้กับแม่ทีม

 

หากนางสาวกัญญารัตน์ฯ ไม่ได้มารับยาด้วยตนเอง ก็จะให้แม่ทีมนำยา ไปส่งให้ที่แฟลต หรือคอนโดตามที่นางสาวกัญญารัตน์ฯ แจ้งให้ทราบ และในรายที่ลูกทีม ไม่มาพบหมอตามนัด แม่ทีมจะไปขอบัตรประจำตัวประชาชนของลูกทีม เพื่อนำไปเปิดสิทธิของรับยาแทน

 

โดยจะจัดหาคนไปรับยาแทน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นลูกทีมที่ต้องเข้าไปพบแพทย์ในวันนั้น หรือบางครั้งก็เป็นตัวแม่ทีมไปยื่นขอรับยาแทนลูกทีม ซึ่งลูกทีมที่ไม่ได้ไปรับยาก็จะได้ค่าตอบแทนด้วย แต่อาจจะถูกหักค่าตอบแทนบางส่วนเพื่อนำไปให้กับคนที่ไปรับยาแทนตนเอง

 

ขบวนการนี้มีการนำยาที่ได้จากลูกทีมทั้งหมดไปขายต่อตามร้านขายยาในท้องตลาด ลูกทีมทั้งหมด ไม่มีผู้ใดได้รับยาที่ได้จากโรงพยาบาลทหารผ่านศึกไปรับประทานเลย

 

โดยลูกทีมที่มีอาการป่วย และต้องการยาในการรักษา จะต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลอื่นหรือโรงพยาบาลเดิมที่ตนรักษาตัวอยู่ก่อนแล้ว ตามที่อยู่ ของลูกทีม ซึ่งจะพบว่าประวัติการรักษาของลูกทีมเหล่านี้จะมีอาการเจ็บป่วยน้อยกว่าประวัติการรักษา ที่โรงพยาบาลทหารผ่านศึก

 

บก.ปปป. จึงรวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 8 ราย และขออนุมัติหมายค้น จำนวน 17 จุด

 

จนวันนี้ บก.ปปป. สนธิกำลังกับ บก.ปคบ., บก.ปอศ. พร้อมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช., ป.ป.ท. และ อย. วางแผนเข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 8 ราย และเข้าค้นจุดต้องสงสัยพร้อมกัน 17 จุด ในเขตพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี, นนทบุรี, ชลบุรี, ปทุมธานี และกรุงเทพมหานคร พร้อมนำตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

สอบถามปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหาทุกรายยังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

 

Thailand Web Stat