คาราบาว คัพ ! จุดเริ่มต้นแชมป์ของ "พอช" และถ้วยสุดท้ายของ "คล็อปป์"

การโคจรมาพบกันของ 2 ทีมใหญ่แห่งเกาะอังกฤษ เปรียบเหมือนศึกช้างสารมาชนกัน 2 ทีมนี้ได้แชมป์รายการนี้ รวมกัน 14 ครั้ง ลิเวอร์พูลมีดีกรีเป็นแชมป์รายการนี้ที่ 9 สมัย ส่วนเชลซีเป็นแชมป์รายการนี้ 5 สมัย 

แน่นอนว่าชื่อชั้นของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล นั้นดูดีและขลังกว่า ด้วยดีกรีแชมป์ลีก 19 สมัย แชมป์ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ ลีกอีก 6 สมัย 
 

ส่วนเชลซี แม้จะเป็นทีมเก่าแก่ แต่ความเก่งของพวกเพิ่งมาปะทุเอาเมื่อช่วง 20 ปีที่ผ่านมาในยุคมิลเลียนแนร์ รัสเซียครองเมืองอย่าง โรมัน อบราโมวิช แต่โทรฟี่สุดท้ายที่ "สิงห์บลู" ได้คือฤดูกาล 2017-18 ในฟุตบอลเอฟเอ คัพ 

การตลาดนอกสนามลิเวอร์พูลชนะยกแรก

เทียบมูลค่าการตลาดของ 2 ทีมนี้ จากการจัดอันดับของนิคยาสารการเงินชื่อดังอย่าง "ฟอร์บส" ลิเวอร์พูล อยู่ที่ 4 ของโลก ด้วยมูลค่า 4,200 ล้านปอนด์ (180,600 ล้านบาท)

ส่วนเชลซีอยู่ที่ 8 โลก มูลค่า  2,500 ล้านปอนด์ (107,500 ล้านบาท)

2 ทีมรวมกันมูลค่าเกือบ 3 แสนล้านบาทเลยทีเดียว

แชมป์นี้ที่เชลซีรอคอย

แชมป์รายการนี้คือรายการที่เชลซีหมายมั่นปั้นมือจะทวงคืนมาให้ได้ หลังจากเคยได้ชิงฯกับลิเวอร์พูลเมื่อ 2 ปีก่อน แต่เชลซีแพ้การดวลจุดโทษให้ทีใหงส์แดง 

เมาริซิโอ โปเช็ตติโน และลูกทีมหมายมั่นปั่นมือที่จะคว้าแชมป์ราการนี้ เพื่อเป็นจุดเปลี่ยนของทั้งฤดูกาลที่แนวทางการเล่นของทีม "สิงห์บลู" ล้มเหลวและคาดหวังไม่ได้จากแฟนบอลโดยสิ้นเชิง 

และหากเชลซีไปไม่ถึงแชมป์รายการนี้ คนที่อาจจะหบุดจากตำแหน่งไปก่อนคงหนีไม่พ้น "พอช" เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ 

โทรฟี่สุดท้ายของ "คล็อปป์" 

อาจจะไม่ใช่การชิงแชมป์รายการสุดท้ายของลิเวอร์พูลที่ปีนี้พวกเขามีลุ้นถึง 4 แชมป์ (พรีเมียร์ลีก , เอฟเอ คัพ, ยูโรปา คัพ และ คาราบาว คัพ) แต่นี่ตคือการพาทีมเช้าชิงฯคาราบาว คัพ ครั้งสุดท้ายของคล็อปป์แล้ว

ดังนั้นนักเตะหงส์แดงทุกคนวิ่งใส่เต็มที่ วิ่งลืมตายและซัดเกินร้อยทุกเม็ดเพื่อถวายถ้วยรายการนี้แด่ เจอร์เก้น คล็อปป์ เข้านายของพวกเขาที่จะวางมือจากการคุมทีมหลังจบฤดูกาลนี้ 

"คาราบาว" กับการสนับสนุนฟุตบอลลีกคัพ 

ในสนามห้ำหั่นกันเดือดแล้ว เกมนัดชิงชนะเลิศนี้คือการโชว์แบรนด์ของไทยอย่าง "คาราบาว" ถึงนี้พวกเขาสนับสนุนฟุตบอล "ลีก คัพ" มาถึง 10 ปี เข้าไปแล้ว

นอกจากถ่ายทอดสดผ่านช่อง Sky Sports ทั่วเกาะอังกฤษที่มีมีคนชมเกมผ่านทีวี ถึง 4.26 ล้านคนในนัดชิงชนะเลิศปี 2023 ซึ่งมากเป็นประวัติการณ์ เท่านั้นไม่พอฟุตบอล คาราบาว คัพ ยังถ่ายทอดสดออกอากาศใน 185 ประเทศทั่วโลก

สจ๊วร์ต แม็คฟี (Stuart MacPhee) หัวหน้าฝ่ายพัฒนากิจกรรมเชิงพาณิชย์และสิทธิ์ของ EFL กล่าวกับ SportBusiness Sponsorship ว่า การขยายเวลาการเป็นสปอนเซอร์ยังช่วยเพิ่มการรับรู้ถึงแบรนด์ การจดจำ และความสัมพันธ์อันดีกับบรรดาพันธมิตร ซึ่งรวมถึง EFL สโมสรฟุตบอลต่างๆ สถานีโทรทัศน์ สื่อมวลชน ตลอดจนพนักงานและหน่วยงานต่างๆ ของคาราบาว รวมถึงลูกค้าทั่วโลก ผลลัพธ์ที่ได้ คือ ประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่เพิ่มขึ้น

การต่ออายุสัญญาการเป็นผู้สนับสนุนหลักจากคาราบาว และ Sky Bet ยังได้ขยายระยะเวลาการเป็นผู้สนับสนุนหลักของ EFL เป็นระยะเวลา 5 ปี คิดเป็นมูลค่า 14.6 ล้านปอนด์ต่อฤดูกาล ขณะที่ข้อตกลงการเป็นผู้สนับสนุนแบรนด์กีฬา Puma และวิดีโอเกม Football Manager ได้ขยายถึงเดือนกันยายน 2023 ส่วนบริษัทพลังงานอย่าง Utlilta ได้ต่ออายุสัญญาการเป็นผู้สนับสนุนก่อนเริ่มฤดูกาล 2023-24 

ล่าสุด EFL ยังได้ 2 พันธมิตรใหม่เข้ามาเป็นผู้สนับสนุนหลักคือ Kellogg’s แบรนด์ผลิตภัณฑ์ธัญพืช ซึ่งได้ทำข้อตกลงเป็นผู้สนับสนุนระยะเวลา 5 ปี เริ่มในเดือนกันยายนที่ผ่านมา และแบรนด์วิสกี้ Jameson ที่ได้เข้ามาเป็นผู้สนับสนุนระยะเวลา 4 ฤดูกาล เริ่มในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่อถือเป็นก้าวแรกของ Jameson ในการรุกเข้าสู่แวดวงฟุตบอลอาชีพอังกฤษ 

วันอาทิตย์ที่ 25 ก.พ.67 เวบา 22.00 น. ตามลุ้นกันว่าใครจะได้แชมป์คาราบาว คัพ ซึ่งเป็นแชมป์รายการแรกของฤดูกาลนี้ จะเชลซี หรือ ลิเวอร์พูล ถ่ายทอดสดทาง ไทยรัฐทีวี 32