posttoday

Gen Z เตรียมขึ้นแท่นผู้บริโภคที่มีอำนาจใช้จ่ายมากที่สุดในประวัติศาสตร์

22 สิงหาคม 2567

กำลังซื้อของคน Gen Z เตรียมแซงหน้า Baby Boomer และจะกลายเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีอำนาจในการซื้อและใช้จ่ายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ภายในปี 2030 ด้วยอำนาจการใช้จ่ายที่เติบโตเร็วที่สุดถึง 12 ล้านล้านดอลลาร์

ตามรายงานล่าสุดจาก NielsenIQ สถาบันวิจัยตลาดโลกและข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภค เผยว่า Gen Z หรือกลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี 1997-2012  กำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีอำนาจในการซื้อและใช้จ่ายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยผลการศึกษาคาดว่าอำนาจการใช้จ่ายของ Gen Z  จะเติบโตอย่างรวดเร็วที่สุด โดยจะมีมูลค่าสูงถึง 12 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 และจะแซงหน้าการใช้จ่ายของกลุ่ม Baby Boomer ภายในปี 2029

สิ่งที่โดดเด่นที่สุดจากการวิจัยในครั้งนี้คือ ความก้าวหน้าของ Gen Z ที่มีมากกว่า Gen อื่นๆ  (เมื่อเทียบกับช่วงอายุเดียวกัน) เช่น รายได้ของคน Gen Z ในยุคนี้ที่สตาร์ทสูงกว่าเจนเนอเรชั่นอื่นในช่วงอายุเดียวกัน ส่งผลให้พฤติกรรมการใช้จ่ายของพวกเขาก็มีมูลค่าสูงขึ้นตามไปด้วย

Jason Dorsey นักวิจัยจาก The Center for Generational Kinetics ทั้งยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาพฤติกรรมของ Gen Z ให้ความเห็นว่า สำหรับแบรนด์ต่างๆ Gen Z ถือเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีค่ามากที่สุด เพราะช่วยสร้าง Customer Lifetime Value ให้กับแบรนด์

ข้อมูลจาก NielsenIQ ยังระบุว่า การใช้จ่ายต่อหัวของ Gen Z คาดว่าจะเติบโตในอัตราเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 4.02% ในช่วง 10 ปีข้างหน้า ซึ่งถือว่าเร็วกว่าคนเจนเนอเรชั่นก่อนถึงสองเท่า ซึ่งเมื่อเทียบในช่วงอายุที่เท่ากัน คนอายุ 25 ปีในปัจจุบันกำลังใช้จ่ายมากกว่าคน Gen X อย่างมหาศาล และแนวโน้มนี้จะยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต

Gen Z เตรียมขึ้นแท่นผู้บริโภคที่มีอำนาจใช้จ่ายมากที่สุดในประวัติศาสตร์

Customer Lifetime Value คืออะไร?

แม้ว่าลูกค้าทุกคนจะสร้างรายได้ให้กับธุรกิจ แต่ลูกค้าที่มีความจงรักภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) นั้นจะสร้าง มูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจมากกว่า ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ดังนั้น Customer Lifetime Value (CLTV) จึงเป็นตัวชี้วัดทางการตลาดที่ใช้ประเมินมูลค่าทางธุรกิจของลูกค้าแต่ละรายตลอดอายุการเป็นลูกค้า ทั้งยังเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเติบโตจากการสร้างรายได้จากกลุ่มลูกค้าเดิมที่มีอยู่ 

CLTV ช่วยให้ธุรกิจสามารถประเมินได้ว่าลูกค้ารายหนึ่งจะสร้างรายได้ให้กับธุรกิจมากน้อยเพียงใดตลอดระยะเวลาที่เป็นลูกค้า ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับการตัดสินใจทางธุรกิจ เช่น การกำหนดงบประมาณการตลาด การจัดลำดับความสำคัญของลูกค้า และการประเมินความคุ้มค่าของกลยุทธ์การรักษาลูกค้า

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Gen Z มีความแตกต่างจากคนรุ่นก่อนหน้าคือ Gen Z เกิดมาพร้อมกับยุคดิจิทัล ผู้บริโภคกลุ่ม Gen Z  จึงใช้โซเชียลมีเดียในการค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์และผลิตภัณฑ์ก่อนตัดสินใจซื้อสินค้าจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “รีวิวออนไลน์” ซึ่งเป็นสิ่งที่คน Gen Z ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นรีวิวบนเว็บไซต์ของบริษัทโดยตรง หรือบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียจากอินฟลูเอนเซอร์ต่างๆ

ดังนั้น แบรนด์และธุรกิจต่างๆ จึงต้องปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มนี้ เพื่อคว้าโอกาสจากกำลังซื้อมหาศาลที่กำลังจะมาถึงจาก Gen Z