ตลาดร้านอาหารปี 68 โตทุกเซ็กเมนต์ ‘บุฟเฟต์-สตรีทฟู้ด’ นำเทรนด์
การเติบโตของธุรกิจได้รับปัจจัยสนับสนุนสำคัญจากภาคการท่องเที่ยวทั้งการเดินทางท่องเที่ยวคนไทยและชาวต่างชาติที่คาดว่ายังเติบโตต่อเนื่องจากปี 2567 โดยการท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism) เป็นที่นิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ กอปรกับไทยมีร้านอาหารที่ติดอยู่ในมิชลินไกด์ กว่า 482 ร้านอาหาร จากข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พบว่า การใช้จ่ายด้านอาหารและเครื่องดื่มของนักท่องเที่ยวมีมูลค่าสูงเป็นอันดับ 2 ของการใช้จ่ายในการเดินทางท่องเที่ยวทั้งหมด
นอกจากนี้ การเติบโตของมูลค่าตลาดยังเป็นผลมาจากราคาที่ปรับสูงขึ้นตามภาวะแนวโน้มต้นทุนทางธุรกิจที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมไปถึงการขยายสาขาของผู้ประกอบการและกลยุทธ์การตลาดกระตุ้นให้รายได้ต่อครั้งการสั่งอาหารเพิ่มขึ้น
ตลาดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มขยายตัว
การเติบโตนี้ยังสะท้อนจากความนิยมใน การท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism) ที่ช่วยเพิ่มการใช้จ่ายด้านอาหารและเครื่องดื่ม โดยมีข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาที่ระบุว่า การใช้จ่ายในหมวดอาหารและเครื่องดื่มของนักท่องเที่ยวติดอันดับที่สองในรายการค่าใช้จ่ายทั้งหมด
การแข่งขันในตลาดที่เข้มข้น
ปี 2568 คาดว่าจำนวนร้านอาหารและเครื่องดื่มในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นเป็น 690,000 ร้าน หรืออัตราส่วน 9.6 ร้านต่อประชากร 1,000 คน ซึ่งสะท้อนถึงการแข่งขันที่รุนแรง โดยเฉพาะในกลุ่มร้านอาหารเอเชียและร้านที่ปรับตัวใช้กลยุทธ์ใหม่ๆ เช่น การเปิดแบรนด์ใหม่ การขยายสาขา และการปรับรูปแบบร้านให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภค
ผู้ประกอบการต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีน มีบทบาทสำคัญในตลาด ด้วยการลงทุนที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เช่นเดียวกับแนวโน้มการพัฒนาเชิงพาณิชย์ เช่น ห้างสรรพสินค้าใหม่ ที่ช่วยเพิ่มพื้นที่และโอกาสสำหรับร้านอาหารและเครื่องดื่ม
แนวโน้มตลาดร้านอาหาร
ร้านอาหารแบบเต็มรูปแบบ (Full Service Restaurants): คาดมูลค่า 213,000 ล้านบาท เติบโต 2.9% โดยประเภทบุฟเฟต์ยังคงได้รับความนิยมจากการมองหาความคุ้มค่า
ร้านอาหารแบบบริการจำกัด (Limited Service Restaurants): คาดมูลค่า 93,000 ล้านบาท เติบโต 3.8% โดยมีแรงหนุนจากการขยายสาขาของกลุ่มธุรกิจไก่ทอดและพิซซ่า
ร้านอาหารข้างทาง (Street Food): คาดมูลค่า 266,000 ล้านบาท เติบโต 6.8% ด้วยความเข้าถึงง่ายและราคาที่สมเหตุสมผล
แนวโน้มตลาดเครื่องดื่ม
ธุรกิจร้านเครื่องดื่มคาดว่าจะมีมูลค่าตลาด 85,320 ล้านบาท เติบโต 3.2% แรงหนุนจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ การขยายสาขา และความนิยมในเครื่องดื่มและเบเกอรี่จากต่างประเทศ
ความท้าทายที่ผู้ประกอบการต้องเผชิญ
กำลังซื้อผู้บริโภคฟื้นตัวไม่เต็มที่
การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ยังคงมีความไม่แน่นอน ซึ่งอาจกระทบต่อกำลังซื้อและการจ้างงาน
ต้นทุนธุรกิจที่เพิ่มขึ้น
ต้นทุนวัตถุดิบอาหารที่สูงขึ้น เช่น นมผง เนย และแป้งสาลี รวมถึงต้นทุนค่าแรงที่มีแนวโน้มปรับตัว ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบการ
พฤติกรรมผู้บริโภคที่ซับซ้อน
ผู้บริโภคมองหาความแปลกใหม่ การสร้างประสบการณ์ที่ดี ความใส่ใจสุขภาพ และราคาที่เหมาะสม ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อรักษาความน่าสนใจในตลาด
ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มในปี 2568 ยังคงมีโอกาสในการเติบโตจากปัจจัยภายนอก เช่น การท่องเที่ยวและการบริโภคของผู้คนที่หลากหลาย อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทาย ทั้งด้านการแข่งขันและต้นทุน เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืนในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว