เปิดสเปค "ประธานโอลิมปิกคนใหม่" ต้องใจกว้าง เสียสละเพื่อส่วนรวม

06 กุมภาพันธ์ 2568

จับตามอง การเลือก"ประธานโอลิมปิกคนใหม่" ที่จะเข้ามาเป็นประมุขวงการกีฬาไทย ดีเดย์ 25 มีนาคม 68 พลเอกวิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย เผยสเปคคนที่จะมาทำหน้าที่นี้ พร้อมแสดงความห่วงใยต่อวงการกีฬาไทยหลังการลงตำแหน่งนี้ของ "บิ๊กป้อม"

วันที่ 25 มีนาคม 2568 เป็นอีก 1 ในวันสำคัญของวงการกีฬาไทย เมื่อจะมีการเลือกตั้ง  "ประธานโอลิมปิกไทยคนใหม่" ต่อจาก พลเอก ประวิตร วงศ์สุวรรณ ที่หมดวาระจากวงรอบของการดำรงตำแหน่งประมุขวงการกีฬาไทย

"โพสต์ ทูเดย์" มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ  "เสธน้อย" พลเอกวิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ถึงการเลือกตั้งประธานโอลิมปิกไทยว่า เป็นห่วงเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนในวงการกีฬา 
 

เปิดสเปค \"ประธานโอลิมปิกคนใหม่\" ต้องใจกว้าง เสียสละเพื่อส่วนรวม

"พูดถึงความเหมาะสมของคนที่จะมาดำรงตำแหน่งก่อนเลย ต้องใจกว้าง เสียสละ ในการทำงานให้กับโอลิมปิกได้ มองอนาคตลูกหลาน และมีมิตรภาพกับคนทั่วโลก หมายความว่าคนที่จะมาเป็นประธานต้องมีมิตรสัมพันธ์ที่ดีกับองค์กรกีฬาระดับนานาชาติ ทั้ง IOC, OCA และองค์กรกีฬาในภูมิภาค เพื่อผลักดันวงการกีฬาไทยให้ก้าวหน้าต่อไป"  พลเอกวิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา กล่าว

"การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการกีฬาไทย ผมอยากฝากถึง 37 สมาคมให้พิจารณาเลือกคนที่มีวิสัยทัศน์ มองการณ์ไกล ไม่ใช่เข้ามาเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ให้ตัวเองและพวกพ้อง"

"สิ่งผมที่ห่วงมากที่สุดคือเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนในวงการกีฬา ซึ่งรูปแบบผลประโยชน์ในวงการกีฬา เช่น การกินค่าหัวคิวเบี้ยเลี้ยงนักกีฬาแทนที่เขาจะได้ 100 บาท แต่กลับได้ 50 บาท การแสวงหาผลประโยชน์จากการจัดซื้อจัดจ้าง การทุจริตเรื่องตั๋วเครื่องบิน เช่น การเปลี่ยนจากเครื่องลำใหญ่เป็นลำเล็กเพื่อเอาส่วนต่าง" พล.อ.วิชญ์ กล่าว
เปิดสเปค \"ประธานโอลิมปิกคนใหม่\" ต้องใจกว้าง เสียสละเพื่อส่วนรวม

ทั้งนี้บทบาทของ คณะกรรมการโอลิมปิกไทย นี่จะเป็นด่านแรกของการดูแลนักกีฬาไทย และเป็นตัวกลางประสานไปยังองค์กรระดับโลก เพื่อส่งนักกีฬาไปแข่งขันไม่ว่าจะเป็น ซีเกมส์ , เอเชียนเกมส์ ,โอลิมปิกเกมส์ รวมถึงทัวร์นาเมนต์ต่างๆที่ได้รับการรับรองจาก IOC (โอลิมปิกสากล) , หรือ OCA (สภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย)

ประเด็นนี้ พลเอกวิชญ์ เสริมว่า คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ มีรายได้หลักมาจากรับเงินสนับสนุนจาก IOC และ OCA รวมแล้วประมาณ 19 ล้านบาทต่อปี และมีค่าใช้จ่ายประมาณ 13 ล้านบาท ครอบคลุมทั้งเบี้ยเลี้ยงนักกีฬา ค่าเดินทาง และสวัสดิการต่างๆ รวมถึงเงินรางวัลสำหรับนักกีฬาที่ได้เหรียญรางวัล ซึ่งจะได้รับเงินเดือนไปตลอดชีวิต

ในส่วนของการทำงาน พลเอกวิชญ์  เลขาธิการโอลิมปิกไทย ทำงาน ร่วมกับ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานโอลิมปิก 2 สมัย เป็นเวลา 8 ปี เผยว่า ที่ผ่านมา มีการพัฒนาในหลายด้าน โดยเฉพาะการยกระดับวิทยาศาสตร์การกีฬา การปรับปรุงสำนักงานให้ทันสมัย การพัฒนาสวัสดิการนักกีฬา และการเพิ่มเงินรางวัลสำหรับนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จ 

ณ ปัจจุบัน การลงชิงตำแหน่งประธานโอลิมปิกไทย มีผู้เสนอตัว 2 คนคือ นายสุชัย พรชัยศักดิ์อุดม นายกสมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทย  และ นายพิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย 

เปิดสเปค \"ประธานโอลิมปิกคนใหม่\" ต้องใจกว้าง เสียสละเพื่อส่วนรวม

ตรงนี้พล.อ.วิชญ์ เสริมว่า  "ผมไม่ขอเปรียบเทียบหรือสนับสนุนใครเป็นพิเศษ แต่เห็นว่าผู้ที่จะได้รับเลือกควรเป็นบุคคลที่มีความเสียสละ และตั้งใจพัฒนาวงการกีฬาอย่างแท้จริง ผมตอนนี้วัย 75 ปี มีความประสงค์จะขอพักผ่อนหลังจากทำหน้าที่เลขาธิการมาอย่างยาวนาน และหวังว่าจะมีคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถและความทุ่มเทเข้ามาสานต่องานต่อไป เพื่อความก้าวหน้าของวงการกีฬาไทยในอนาคต" 

สำหรับการเลือก ประธานโอลิมปิกแห่งประเทศไทย จะมีขั้นตอนดังนี้

คณะกรรมการทั้งหมดมี 35 คน รูปแบบการเลือกตั้งจาก 37 สมาคมกีฬา ผู้ทรงคุณวุฒิอีก 10 ท่าน ตัวแทนจากคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) ที่เป็นคนไทย 1 คน ตัวแทนนักกีฬาที่เคยได้รับเหรียญโอลิมปิก 1 คน รวมเป็น 35 คน 

ทั้งหมดจะประชุมกันเพื่อจัดสรรตำแหน่งและเลือก “ผู้เหมาะสม” มาดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการโอลิมปิคฯ คนใหม่ 

กรณีที่มีผู้เสนอชื่อแข่งขันกันมากกว่า 1 คนขึ้นไป ผู้มีสิทธิ์ออกเสียง 35 คน จะลงคะแนนเลือกตั้ง “แบบลับ” แล้วจึงนับคะแนน 

Thailand Web Stat