posttoday

เมื่อไมโครพลาสติก ช่วยให้ไวรัสและแบคทีเรียมีชีวิตอยู่ได้นานขึ้น

20 กรกฎาคม 2565

หลายท่านคงรู้จักไมโครพลาสติกกันมาบ้าง กับอนุภาคพลาสติกขนาดเล็กที่สามารถเข้าไปปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมและทุกชีวิต แม้ยังไม่มีรายงานวิจัยผลกระทบที่เกิดกับร่างกายคนเรา แต่ปัจจุบันมีการค้นพบว่าไวรัสสามารถอาศัยไมโครพลาสติกเพื่อให้มีชีวิตได้นานขึ้นอีกด้วย

ไมโครพลาสติก ถือเป็นหนึ่งในคำที่เราได้ยินกันมากขึ้นในพักหลัง เมื่อปัจจุบันเริ่มมีหลายประเทศพากันพูดถึงและให้ความกังวล หลังเริ่มเข้าใจว่าความร้ายแรงของพลาสติกจากฝีมือเราไม่ได้มีเพียงขยะที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่แทรกซึมไปทั่วทุกอนุภาคของสิ่งแวดล้อม

 

         หลายท่านอาจไม่เคยได้ยินว่าไมโครพลาสติกคืออะไร ด้วยนี่เป็นหัวข้อที่ได้รับการพูดถึงมาไม่นานจึงไม่รู้สึกว่ามันร้ายแรง ดังนั้นจึงจะขออธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมกันสักนิดเกี่ยวกับไมโครพลาสติก เพื่อให้ทุกท่านได้เข้าใจความหนักหน่วงของปัญหาในปัจจุบัน

 

เมื่อไมโครพลาสติก ช่วยให้ไวรัสและแบคทีเรียมีชีวิตอยู่ได้นานขึ้น

ไมโครพลาสติกแพร่กระจาย สู่การปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม

 

         ไมโครพลาสติก คือ ชิ้นส่วนพลาสติกขนาดเล็กกว่า 5 มิลลิเมตรซึ่งไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า มีคุณสมบัติในการเข้าไปปนเปื้อนสร้างความเป็นพิษให้แก่สิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ อีกทั้งเมื่อเกิดการปนเปื้อนขึ้นแล้วครั้งหนึ่งมันจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของสภาพแวดล้อมนั้นๆ

 

         ผลกระทบของไมโครพลาสติกต่อสิ่งแวดล้อมเริ่มต้นขึ้นสักพักโดยเราไม่ทันสังเกต ตั้งแต่การฟอกขาวของปะการัง, การเจริญเติบโตของสัตว์จำพวกกุ้งและโครพีพอดเริ่มหยุดชะงัก จนถึงปลานานาชนิดที่เมื่อได้รับไมโครพลาสติกจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อและล้มป่วย เป็นหนึ่งในตัวแปรส่งผลให้จำนวนสัตว์น้ำลดน้อยลงในปัจจุบัน

 

         อีกหนึ่งความน่ากลัวของไมโครพลาสติกคือการแฝงอยู่ในทุกภาคส่วนในการใช้ชีวิต และเราไม่สามารถขจัดออกจากระบบนิเวศได้อีกต่อไป ด้วยขนาดเล็กเทียบเท่าฝุ่นละอองจึงปนเปื้อนในทุกมิติ สามารถกระจายตัวออกไปได้ไกลจากการพัดพาของน้ำทะเล ทำให้ในแม้แต่พื้นที่ปลอดผู้คนอย่างแถบขั้วโลกยังค้นพบการปนเปื้อนนี้เช่นกัน

 

         คาดว่าในปัจจุบันเกือบทุกคนและทุกสิ่งมีชีวิตบนโลกน่าจะมีระดับการปนเปื้อนไมโครพลาสติกแล้วทั้งสิ้น

เมื่อไมโครพลาสติก ช่วยให้ไวรัสและแบคทีเรียมีชีวิตอยู่ได้นานขึ้น

พิษภัยจากไมโครพลาสติก อันตรายที่รอความกระจ่างในอนาคต

 

         การปนเปื้อนของไมโครพลาสติกแทรกซึมอยู่ภายในชีวิตประจำวัน มีการค้นพบทั้งภายในมหาสมุทรรวมถึงแหล่งน้ำที่เราใช้ในการอุปโภคบริโภค อากาศที่เราหายใจ แม้แต่การแทรกซึมผ่านผนังเซลล์ของสิ่งมีชีวิต ทำให้ภายในร่างกายคนเรามีไมโครพลาสติกสะสมในปริมาณมหาศาล

 

         ปัจจุบันจากการตรวจสอบจากสถาบันวิจัยพบว่า ในอิตาลีผักผลไม้ที่วางขายตามท้องตลาดพบไมโครพลาสติกเฉลี่ยนชิ้นละ 1 กรัม อีกทั้งผลิตภัณฑ์จากการปศุสัตว์ทั้งเนื้อ นม หรือแม้แต่เลือดของสัตว์จากฟาร์มในเนเธอร์แลนด์ ยังมีการปนเปื้อนของไมโครพลาสติกมากถึง 80% เลยทีเดียว

 

         หลายท่านอาจตั้งคำถามว่าในเมื่อมันปนเปื้อนเป็นส่วนหนึ่งภายในร่างกายเรามากมาย เช่นนั้นผลกระทบที่ตามมาหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น? ในเมื่อรู้ว่าอาการและความผิดปกติจะต้องเกิดก็ควรรู้ตัวล่วงหน้า เพื่ออย่างน้อยเราจะสามารถหาทางรับมือได้ถนัด

 

         น่าเสียดายที่จนปัจจุบันเรายังไม่มีผลลัพธ์ยืนยันว่าไมโครพลาสติกส่งผลกระทบเช่นใดกับมนุษย์

 

         ดังที่บอกไปว่าไมโครพลาสติกถือเป็นเรื่องใหม่ที่เพิ่งมีการค้นพบกันไม่นาน ข้อมูลการศึกษาและวิจัยส่วนนี้จึงยังมีน้อย เราจึงไม่อาจทราบว่าเมื่อไมโครพลาสติกสะสมภายในร่างกายจะทำให้เกิดผลกระทบใดบ้าง แต่เราพอมีข้อมูลผลกระทบของไมโครพลาสติกที่เกิดกับสิ่งแวดล้อมอยู่บ้าง

 

         คาดการณ์ว่าไมโครพลาสติกอาจทำให้เนื้อเยื่อเสียหาย เข้าไปอุดตันตามเส้นเลือด สะสมภายในร่างกายจนอวัยวะไม่สามารถทำงานได้ตามปกตินำไปสู่การติดเชื้อ ภาวะล้มเหลว หรือมะเร็ง นอกจากนี้ยังอาจเข้าไปรบกวนฮอร์โมนและส่งผลต่อพัฒนาการในเด็กเล็ก

 

         แต่ถ้าพูดถึงข้อมูลที่ค้นพบในปัจจุบัน ไมโครพลาสติกถือตัวช่วยชั้นดีสำหรับเชื้อไวรัสที่ช่วยให้อยู่รอดได้นานขึ้น

 

เมื่อไมโครพลาสติก ช่วยให้ไวรัสและแบคทีเรียมีชีวิตอยู่ได้นานขึ้น

 

 

         อันตรายจากไมโครพลาสติกในปัจจุบัน แหล่งเพาะพันธุ์ไวรัสและแบคทีเรีย

 

         ผลการวิจัยล่าสุดจากทีมวิจัยของ University of Stirling พบว่า ไวรัสและแบคทีเรียบางนิดสามารถอาศัยอยู่ในน้ำได้นานขึ้น เมื่อเกาะติดลงบนอนุภาคไมโครพลาสติกภายในน้ำ เช่น ไวรัสโรต้า ต้นตอสำคัญที่ทำให้เกิดอาการท้องร่วงในเด็กเล็ก สามารถอยู่รอดได้นานถึง 3 วัน จากปกติจะตายภายใน 4 ชั่วโมง และช่วยให้ไวรัสทนรังสียูวีได้อีกด้วย

 

         และเมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นกับไวรัสโรต้าได้ ย่อมมีแนวโน้มว่าเชื้อชนิดอื่นก็อาจอยู่รอดนานขึ้นด้วยเช่นกัน

 

         นี่ถือเป็นเรื่องน่ากลัวด้วยเรารู้ว่าแหล่งสะสมไมโครพลาสติกแห่งใหญ่สุดในโลกคือท้องทะเล นอกจากเป็นปลายทางในการระบายน้ำยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญสำหรับคนเรา ทำให้เป็นไปได้สูงว่าเมื่อมีผู้ติดเชื้อลงไปเล่นน้ำ เชื้ออาจเกาะติดกับไมโครพลาสติกเข้าไปแพร่แก่นักท่องเที่ยวคนอื่น หรือแม้แต่การลอยข้ามน้ำข้ามทะเลสู่พื้นที่ใหม่ที่เชื้อชนิดนั้นไม่เคยไปถึง

 

         นี่เองคือความเสี่ยงหากเกิดการแพร่ระบาดขาดความรู้ความเข้าใจในการรับมือ อาจเป็นอันตรายแก่ตัวผู้ติดเชื้อเองและคนรอบข้าง นอกจากนี้หากมันแพร่ระบาดเข้าไปในพื้นที่ใหม่ซึ่งผู้คนไม่มีภูมิคุ้มกันไว้รับมือ เป็นไปได้สูงว่าอาจเกิดการระบาดวงกว้างและมีผู้ป่วยอาการหนักเป็นจำนวนมาก

 

         อีกทั้งเราทราบกันดีว่าเมื่อมีการระบาดเป็นวงกว้างอาจทำให้เชื้อเกิดการกลายพันธุ์  เราไม่สามารถมองเห็นหรือเฝ้าระวังไมโครพลาสติกได้ จึงเป็นไปได้ว่าในอนาคตอาจเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อข้ามท้องที่ หรืออย่างเลวร้ายที่สุดคือกลายเป็นต้นตอของโรคระบาดชนิดใหม่ขึ้นมาในอนาคต

 

 

         แน่นอนทั้งหมดที่ว่าเป็นเพียงข้อสันนิฐานจากการค้นพบคุณสมบัติของไมโครพลาสติกต่อระบบนิเวศ ในความจริงเรื่องน่ากังวลเกี่ยวกับไวรัสอาจไม่เกิดขึ้น แต่ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าไมโครพลาสติกนั้นเป็นภัยคุกคามชีวิตของคนเราทั้งทางตรงและทางอ้อมที่จำเป็นต้องเฝ้าระวัง เพราะอย่างไรเสียจะมีผลกระทบเกิดตามมาแน่นอน

 

         และปัจจุบันทางรับมือเดียวที่เราทำได้คงเป็นลดการใช้ขยะพลาสติกเท่าที่ทำได้ เพื่อทุกอย่างจะไม่เลวร้ายลงกว่านี้

 

 

 

 

 

 

 

         ที่มา

 

         https://www.drgreene.com/articles/rotavirus

 

         https://www.springnews.co.th/spring-life/823042

 

         https://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S0269749122008089

 

         https://www.plasticsoupfoundation.org/en/2022/07/80-of-cow-and-pig-meat-blood-and-milk-contains-plastic/

 

         https://www.sciencedirect.com/journal/environment-international