เดินไปกินปูหิมะยักษ์...พักใจที่ทางสีน้ำทะเล
ปูหิมะ (Snow Crab) รสชาติหวานอร่อย หรือในชื่อภาษาเกาหลีว่า “แทเค (ปูยักษ์)”
ปูหิมะ (Snow Crab) รสชาติหวานอร่อย หรือในชื่อภาษาเกาหลีว่า “แทเค (ปูยักษ์)” เป็นปูน้ำลึกที่จับได้ในน่านน้ำเกาหลีบริเวณเกาะด๊อกโด ห่างจากฝั่งทะเลตะวันออกไปในระยะ 200 ไมล์ทะเล ปูลำตัวกลมอวบมีเส้นผ่าศูนย์กลางยาวโดยเฉลี่ย 10-16 เซนติเมตร แต่เมื่อกางขาที่ยาวเรียวออก บางตัวยาวเกือบครึ่งเมตร และสถานที่ที่รับประทานปูแทเค ที่รับรองได้ว่ามาจากทะเลเกาหลีแท้ๆ ไม่ได้นำเข้าจากญี่ปุ่นหรือรัสเซีย คือที่ “ยองด๊อก” เมืองท่าชายฝั่งที่ทำการประมงเป็นหลัก และที่นี่...คือที่ที่เราจะให้รางวัลตัวเองค่ะ
“ส่องเกาหลี” พาท่านผู้อ่านเดินทางไกลไปด้วยเท้า ด้วยกันเกือบทั่วเกาหลีแล้วค่ะ ทว่า หากไม่ได้มาถึง “เส้นทางเดิน สีน้ำทะเล หรือ แฮพารังคิล ” ที่มีทั้งภูเขา ท้องฟ้ากับทะเล มาบรรจบกัน ณ เมืองท่ายองด๊อก ก็คงจะกระไรอยู่ นักชิมทั้งหลายหากพลาดจุดนี้แล้ว เหมือนกับพลาดรสชาติเกาหลีที่อร่อยล้ำตามธรรมชาติไปอย่างน่าเสียดาย ปูยักษ์นึ่ง ถอดกระดองที่มีมันเยอะมาก เนื่องจากอาศัยในทะเลน้ำเย็น แกะเนื้อขาปูมาจิ้มกับซีอิ๊วเกาหลี หรือไม่จิ้มกับอะไรเลย กลายเป็นกำลังใจและรางวัลชั้นยอดที่จะทำให้เราเดินหน้าต่อไปในเส้นทางยาวราว 60 กิโลเมตรบนชายฝั่งทะเลของจังหวัด คยองซังบุกโดนี้ได้
ขณะนี้เราอยู่ในโหมด “เดินมากห่างโรค” ในกระแสสังคมเกาหลีที่ลุกขึ้นมาเดินเพื่อรักษาสุขภาพกายใจกันทั้งประเทศ และ แฮพารังคิล ก็เป็นเส้นทางเดินที่พัฒนาขึ้นมาหลังจากความสำเร็จของ “เชจูโอลเล่” ซึ่งเป็นเส้นทางเดินทางไกลไปด้วยเท้าแห่งแรกของเกาหลีบนเกาะเชจู หลังจากนั้น ชาวเมืองยองด๊อกจึงพร้อมใจกันยก แฮพารังคิล เป็นเส้นทางเดินประจำเมือง ที่มีความโดดเด่นทางธรรมชาติตลอดชายฝั่งทะเล ทางเดินแบ่งออกเป็น 4 คอร์ส ยาวคอร์สละ 15-17 กิโลเมตร ซึ่งสามารถเดินให้จบได้ภายใน 1 วัน ดังนั้นหากจะเดินให้ครบ ต้องใช้เวลา 4 วัน เป็นอย่างน้อยค่ะ...
ไฮไลท์สุดๆ ยกให้แก่คอร์ส A ที่มีชื่อว่า “เส้นทางแห่งแสงและลม” เริ่มต้นจากท่าเรือ “กังกู” ซึ่งมีร้านขายปูยักษ์มากกว่า 300 ร้าน ซึ่งเราสามารถเริ่มต้นเติมพลังงานจากปูยักษ์ได้ก่อนที่จะเดินบนสันเขาเขียวขจี ซึ่งเป็นที่ตั้งของฟาร์มกังหันลมที่ใช้ผลิตพลังงานไฟฟ้า อันเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามที่สุดของเมืองนี้... ส่วนคอร์ส B เป็นเส้นทางเดินระหว่างสันเขากับท่าเรือ “จุ๊กซังฮัง” ที่เป็นท่าขึ้นปูยักษ์ ที่เราสามารถไปชมได้อย่างใกล้ชิด (และเพลิดเพลินได้อีกหลายตัว)...
คอร์ส C เป็นทางเดินเข้าสู่เรือกสวนไร่นา ที่ซึ่งยังคงมีกลิ่นอายของยุคโชซอนจากบ้านเกาหลีอายุกว่า 200 ปี ที่เรียงรายอยู่ในหมู่บ้านตามทางผ่านหลายหลัง นอกจากนี้ยังสามารถชมปลาวาฬ ที่มักจะขึ้นมาโชว์ตัวในฤดูร้อนได้ในบริเวณนี้....คอร์ส D สุดท้าย มีชื่อว่า “สีน้ำทะเล” เพราะเป็นทางเดินเลียบชายฝั่งที่มีหมู่บ้านชาวประมงเรียงรายอยู่ตามทาง
ฤดูกาลที่จับปูได้มากที่สุดอยู่ในช่วงเดือน มี.ค.เม.ย. จึงมี “เทศกาลกินปู” ในช่วงนี้ของทุกปี ราคาปูขึ้นอยู่กับ ขนาดโดยเฉลี่ยอยู่ที่ตัวละ 10,000-20,000 วอน (270-540 บาท) ที่พักแบบโฮมสเตย์มีอยู่ทั่วไปในเมือง ราคาคืนละ 50,000-80,000 วอน (1,350-2,160 บาท) ...ข้อมูลเพิ่มเติมดูที่ http://blueroad.yd.go.kr การเดินทางไปเมืองยองด๊อก จากกรุงโซล ให้ขึ้นรถที่ท่ารถบัสเทอร์มินัล “ดงซออุล
” (อยู่บนเส้นรถไฟฟ้าใต้ดินสาย 2 ลงสถานี คังบยอนGangbyeon Station ออกทางออกหมายเลข 4) จากท่ารถดงซออุล มีรถวิ่งไปถึงเมืองยองด๊อกเลย ใช้เวลาเดินทางราว 4 ชั่วโมง 20 นาที...ขอให้อิ่มอร่อยและมีสุขภาพดีกันทุกคนค่ะ