posttoday

เต๊ด ปีใหม่สไตล์เวียดนาม

29 มกราคม 2557

รู้จัก "วันเต๊ด" ตรุษ-ปีใหม่ ของเวียดนาม และพิธีกรรมที่อบอวลด้วยความรื่นเริง

โดย...มรกตวงศ์ ภูมิพลับ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

31 มกราคม 2557 เป็นวันแรกของปีมะเมียตามคติคนเวียดนาม

วันเต๊ด หรือ ตรุษ-ปีใหม่เวียดนาม ตรงกับวันที่ 1 เดือน 1 ตามปฏิทินจันทรคติ ตรงกับตรุษจีนของพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีน

คนเวียดนามเรียกวันปีใหม่ว่า "เต๊ด เงวียน ด๋าน (Tê&s69;t Nguyên &>72;án -- &>0803;&>6086;)" เป็นคำยืมจากภาษาจีน หมายถึง “อรุณรุ่งของปีใหม่ ก้าวแรกของฤดูใบไม้ผลิ” และในปีมะเมียนี้ คนเวียดนามเชื่อว่าม้าเป็นสัญลักษณ์ของความอดทนและดำรงอยู่

บรรยากาศของ “เต๊ด” อบอวลด้วยความรื่นเริง การอวยพรปีใหม่ระหว่างญาติมิตร ช่วงเวลานี้คนมาทำงานในเมืองจะกลับบ้านเกิด บรรดาร้านรวงต่างๆ จะปิดเพื่อฉลอง ทุกบ้านจะประดับดอกไม้ซึ่งภาคเหนือ-กลาง-ใต้ของเวียดนามใช้ดอกไม้คนละชนิด ภาคเหนือใช้ดอกด่าวหรือดอกท้อสีชมพูเข้ม ภาคกลางและใต้ใช้ดอกมายสีเหลืองสด

ที่มีแทบทุกบ้านคือต้นส้มผลเล็ก  ฮานอย เว้ และนครโฮจิมินห์จะมีตลาดขายดอกไม้และต้นส้มอยู่ดาษดื่น ชาวเวียดนามเชื่อว่าต้นส้มจะนำมาซึ่งความร่ำรวย เป็นสัญลักษณ์ของคนรุ่นต่างๆ ผลแทนรุ่นปู่ย่าตายาย ดอกแทนรุ่นพ่อแม่ หน่ออ่อนแทนรุ่นลูก ใบสีเขียวอ่อนแทนรุ่นหลาน

นอกจากนี้ยังมีการประดับประดาด้วยกิ่งไผ่เด็ดใบเหลือแต่ยอด ติดเครื่องหมายหยิน-หยางหรือกระดาษสีสด เชื่อว่าหากลมกระทบกิ่งไผ่แล้วจะนำวิญญาณดีมาปัดเป่าวิญญาณร้าย

เทศกาลเต๊ดจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 23 เดือน 12 หรือก่อนวันที่ 1 เดือน 1  ตามปฏิทินจันทรคติ เริ่มโดยไหว้เทพแห่งเตาไฟ หรือ องต่าว (Ông Táo) ที่เชื่อว่ากันเป็นสื่อกลางระหว่างมนุษย์และปรโลกเป็นผู้ดูแลบ้าน มีการไหว้ปลากระดาษที่เชื่อว่าจะแปลงเป็นมังกรนำเทพไปยังสรวงสวรรค์ ชาวเวียดนามเชื่อว่าเทพเจ้าแห่งเตาไฟจะนำโชคลาภและความสุขสู่ยังครอบครัว จากนั้นวันที่ 30 เดือน 12 จะเชิญวิญญาณบรรพบุรุษมาฉลองวันเต๊ด โดยเชิญวิญญาณจากหลุมศพหรือจุดธูปที่บ้านท่ามกลางสมาชิกครอบครัวที่จะมารวมตัวกัน

เต๊ด ปีใหม่สไตล์เวียดนาม

อีกพิธีสำคัญ คือ “หายหลก (Hái L&s897;c)” ที่จะเด็ดกิ่งไม้ตามสวนสาธารณะหรือท้องถนนในวันสุดท้ายของปีมาปักในแจกันในเช้าวันแรกของปีใหม่ (วันที่ 1 เดือน 1) โดยเชื่อว่ายอดอ่อนจะนำโชค ยังมีพิธีไหว้ หรือ “ซาวเถื่อ (Giao th&*32;&s68;a)” ที่หมายถึงการให้และรับในช่วงเวลาระหว่างปีเก่ากับใหม่ จะมีของบูชาเซ่นไหว้คือ ข้าวเหนียว ของหวาน ขนมปีใหม่ ผลไม้ ขาหมู ไก่ต้ม เพื่อให้มีกินมีใช้ตลอดปี ในอดีตยังมีธรรมเนียมจุดปะทัดไล่ภูติผีปีศาจที่รับมาจากจีนแต่ปัจจุบันยกเลิกไปแล้ว

วันปีใหม่ มีพิธี “หมึ่งต่วย (m&*32;&s68;ng tuô&s77;i)” ผู้ใหญ่จะคัดธนบัตรใหม่ใส่ลงไปซองสีแดงหมายถึงการพบโชคลาภและให้อั่งเปาลูกหลาน สมาชิกทุกคนในครอบครัวจะร่วมกันดื่มเหล้าหรือชา ทานผลไม้อบแห้งหรือขนมปีใหม่เพื่อแสดงความยินดี จากนั้นจะไปเยี่ยมญาติและเพื่อนฝูงเพื่ออวยพร ชาวเวียดนามเชื่อว่าแขกที่ก้าวเข้าบ้านคนแรกในวันขึ้นปีใหม่มีความสำคัญ ส่วนใหญ่จึงเลือกคนที่มีนิสัยเข้ากับบ้านตนเองได้ ทำอะไรรวดเร็วและนิสัยดี หลายครอบครัวนับอายุแขกที่จะเข้าบ้านคนแรกว่าตัวเลขเป็นสิริมงคลแก่ครอบครัวหรือไม่ เรื่องนี้จึงมีการนัดแนะตั้งแต่ก่อนวันขึ้นปีใหม่

สิ่งที่ห้ามทำในวันตรุษคือกวาดบ้าน ห้ามพูดไม่ดี ห้ามทะเลาะกัน ห้ามทวงและจ่ายหนี้ ห้ามยืมเงิน ห้ามไปงานศพหรือบ้านที่ไว้ทุกข์ ห้ามเยี่ยมคนป่วย โดยปกติสิ่งเหล่านี้จะไม่ทำประมาณ 3 วันเพราะถือเป็นช่วงปีใหม่ซึ่งปีใหม่เพื่อแสดงถึงสิ่งดีๆ ที่จะได้ตลอดปี เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นจะมีพิธีส่งบรรพบุรุษกลับสวรรค์ในวันที่ 2-3 เดือน 1 ทางจันทรคติ ขึ้นกับธรรมเนียมแต่ละท้องถิ่น โดยจะมีการเผาสมบัติกระดาษ ไม่ว่ารถ ช้าง ม้า ปัจจุบันมีการเผารถยนต์ โทรศัพท์มือถือที่ทำด้วยกระดาษส่งไปด้วยโดยเชื่อว่าบรรพบุรษจะได้ใช้อย่างสะดวกสบายในปรโลก

เต๊ด ปีใหม่สไตล์เวียดนาม

อาหารที่ขาดไม่ได้ในเทศกาลเต๊ดคือ “แบ๋งห์ จึง (Ba&s69;nh Ch&*32;ng)” ข้าวต้มมัดสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดใหญ่สอดไส้ถั่วเหลืองและหมูสามชั้น มีกำเนิดสมัยจักรพรรดิองค์แรกของเวียดนามคือหุ่งเวือง (Hùng V&*32;&*17;ng) อาหารอีกชนิดคือ “แบ๋งห์ สั่ย (Ba&s69;nh da&s68;y)” ทำด้วยแป้งข้าวเหนียวเป็นก้อนสีขาวกลมแบน ใช้รับประทานพร้อมหมูยอ ตามตำนานเชื่อว่าขนมทั้งสองชนิดเป็นตัวแทนของฟ้ากับดิน

ชาวเวียดนามไม่ใช้คำว่า “ฉลอง” แต่ใช้คำว่า “กิน” เช่น "กินเต๊ดกับครอบครัวแล้วหรือยัง?" หรือ “ปีนี้ไปกินเต๊ดที่ไหน?” แสดงให้เห็นว่าวัฒนธรรมการกินอยู่สำคัญเพราะในอดีตการกินหมายถึงความสมบูรณ์ของชีวิต

ตรุษเวียดนามเป็นภาพสะท้อนความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวและสังคมเวียดนามที่ถูกเชื่อมร้อยไว้ด้วยกันท่ามกลางยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง

“จุ๊ก หมึ่ง นัม เหมย (Chu&s69;c m&*32;&s68;ng n&>59;m m&*17;&s69;i!-สวัสดีปีใหมค่ะ)”