เปิดแผนลอบสังหารฟิเดล คาสโตร โดยซีไอเอ
สหรัฐอเมริกาพยายามนับครั้งไม่ถ้วนในการลอบสังหารรัฐบรุษผู้ยิ่งใหญ่แห่งคิวบา แต่สุดท้ายแล้วคาสโตรก็รอดมาได้ เหล่านี้คือแผนการบางส่วนที่คิดขึ้นโดยซีไอเอ
สหรัฐอเมริกาพยายามนับครั้งไม่ถ้วนในการลอบสังหารรัฐบรุษผู้ยิ่งใหญ่แห่งคิวบา แต่สุดท้ายแล้วคาสโตรก็รอดมาได้ เหล่านี้คือแผนการบางส่วนที่คิดขึ้นโดยซีไอเอ
ฟิเดล คาสโตรอดีตผู้นำคิวบายังคงมีชีวิตที่อยู่ดีมีสุขจวบจนลมหายใจสุดท้ายของเขาสิ้นสุดลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมาของเขา ซีไอเอพยายามลอบสังหารเขานับครั้งไม่ถ้วน ตั้งแต่การวางยาพิษ, วางระเบิด ไปจนถึงการส่งสายลับเขาแทรกซึม แต่สุดท้ายก็ไม่ประสบความสำเร็จ
"หากการรอดชีวิตจากการถูกลอบสังหาร เป็นกีฬาโอลิมปิก ผมคงได้เหรียญทองไปแล้ว" คาสโตรเคยกล่าวติดตลกเอาไว้ และคำพูดดังกล่าวกลายเป็นโควทที่โด่งดัง
Fabian Escalante อดีตหัวหน้าหน่วยสืบราชการลับของคิวบา ผู้ทำหน้าที่ปกป้องชีวิตของคาสโตร เคยให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์เมื่อปี 2010 ไว้ว่าอดีตผู้นำคิวบาถูกลอบสังหารทั้งหมดรวม 638 ครั้ง ซึ่งความพยายามที่มากที่สุดเกิดขึ้นในสมัยของประธานาธิบดีจอห์น เอฟ เคเนดี้ ก่อนที่ตัวประธานาธิบดีเองจะถูกลอบสังหารในเวลาต่อมา และเหล่านี้คือบางส่วนจากแผนการอันบ้าบิ่นของซีไอเอ
1. จ้างมาเฟียให้จัดการ
ในฤดูร้อนปี 1960 อดีตเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ Robert Maheu กลายเป็นผู้ประสานงานระหว่างซีไอเอ และสองมาเฟียอิตาลีที่เป็นที่ต้องการตัวมากที่สุด Santo Trafficante และ Salvatore Giancana ในการลอบสังหารคาสโตร ด้วยค่าจ้าง 150,000 ดอลล่าร์สหรัฐ ข้อมูลจากเอกสารเก่าระบุว่า Giancana เสนอให้วางยาพิษ แต่การเข้าถึงอาคารรัฐสภาของคิวบาเป็นไปได้ยาก แผนการจึงไม่ประสบความสำเร็จ
สำหรับแผนการที่ซีไอเอเข้าใกล้ความสำเร็จในการลอบสังหารด้วยยาพิษมากที่สุด คือการวางยาลงในนมช็อกโกแลตปั่น ที่โรงแรมฮิลตัน ในคิวบา เมื่อปี 1963 แต่แผนไม่สำเร็จเมื่อยาพิษที่ตั้งใจจะวางนั้นแข็งตัวจากช่องแช่แข็ง และบริกรที่ปลอมตัวมาก็ไม่สามารถนำมันไปใส่ลงในเครื่องดื่มของคาสโตรได้ทัน
2. ห้องสตูุดิโอปนเปื้อน
คราวนี้ซีไอเอไม่ได้คิดเพียงแค่การวางยาลงในซิการ์ หรือเครื่องดื่มอีกแล้ว หลังความล้มเหลวหลายครั้ง ซีไอเอเตรียมกล่องซิการ์ที่บรรจุสาร LSD ตามแผนที่วางไว้คาสโตรจะเสียชีวิตขณะสัมภาษณ์สดผ่านรายการโทรทัศน์ เท่านั้นยังไม่พอ ทางซีไอเอยังงวางแผนที่จะให้ไมโครโฟน และห้องสตูดิโอออกอากาศนั้นปนเปื้อนไปด้วยสารพิษอีกด้วย อย่างไรก็ตามแผนการนี้ไม่ได้ถูกนำมาใช้จริง แต่ก็นับว่าเป็นแผนที่ใหญ่ที่สุดในการจัดการกับคาสโตร
3. หอยติดระเบิด
แผนการแยบยลในการสังหารคาสโตร ซีไอเอรู้ดีว่าผู้นำคิวบาเป็นนักดำน้ำตัวยง ดังนั้นทางซีไอเอจึงวางแผนที่จะฝังระเบิดลงในเปลือกหอย โดยทาสีให้หอยดังกล่าวมีสีสันสดใสโดดเด่น เมื่อคาสโตรดำน้ำมาชมใกล้ๆ เขาก็จะตายจากแรงระเบิด ทั้งนี้ข้อมูลจากเอกสารลับระบุว่าแผนการดังกล่าวถูกยกเลิกไป และทางซีไอเอเองเคยวางแผนที่จะวางยาพิษในชุดดำน้ำของคาสโตรด้วย แต่ไม่ได้ผลจากระบบระกษาความปลอดภัยที่เข้มงวดของคาสโตร
4. พัฒนาจากซิการ์อาบยาพิษ เป็นระเบิดซิการ์
รายงานจาก Saturday Evening Post เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ปี 1967 ซีไอเอวางแผนที่จะสังหารคาสโตรด้วยระเบิดซิการ์ ระหว่างการประชุมสหประชาชาติ ไอเดียใหม่เกิดขึ้นหลังแผนวางยาพิษในซิการ์ถูกยกเลิก แต่สุดท้ายแผนดังกล่าวก็ไท่สำเร็จหลังสายลับตัดสินใจเปลี่ยนความคิดในการสังหาร ในนาทีสุดท้าย
5. สายลับสาวสวย
มาริต้า ลอเรนซ์ หนึ่งในคนรักของคาสโตรผู้สบคบคิดกับซีไอเอ เรื่องราวของเธอถูกเปิดเผยในปี 1959 ลอเรนซ์มีแผนที่จะวางยาพิษลงในเครื่องดื่มของคาสโตร ซึ่งจะสามารถฆ่าเขาได้ภายใน 30 วินาที แต่สุดท้ายแล้วภารกิจก็ไม่สำเร็จ เพราะเธอไม่อาจรวบรวมความกล้าหาญในการลงมือได้
จากในบันทึก Love and Vengeance in Miami and Havana โดย Ann Louise Bardoch ระบุว่าลอเรนซ์ให้สัมภาษณ์ว่า เธอรู้ตัวว่าไม่สามารถทำภารกิจนี้ได้ ทันทีที่เห็นเขาปรากฏตัว
นอกจากภารกิจจะไม่สำเร็จแล้ว เธอยังถูกจับได้อีกด้วย เมื่อไม่สามารถสังหารคาสโตรได้ ลอเรนซ์จำต้องทิ้งเม็ดยาพิษไม่ให้เหลือหลักฐาน เธอตัดสินใจทิ้งมันลงในห้องน้ำ แต่คาสโตรเข้ามาพบพอดี เขาถามเธอว่า คุณตั้งใจจะมาฆ่าผมเหรอ? จากนั้นคาสโตรก็ยื่นปืนพกใส่มือเธอ ส่วนตัวเขายืนหลับตาสูบซิการ์อย่างสงบนิ่ง
เขาทำแบบนั้นเพราะเขารู้ดีว่าฉันไม่สามารถฆ่าเขาได้ เขายังคงรักฉัน และฉันเองก็รักเขา ลอเรนซ์กล่าว
หลังภารกิจล้มเหลวเธอกลัวว่าจะถูกซีไอเอฆ่าปิดปากจึงหนีกลับไปยังไมอามี่ และไม่ได้พบกับคาสโตรอีกเลย ต่อมาเธอแต่งงานกับอดีตประธานธิบดีของเวนซุเอลลา Marcos Perez Jimenez และมีลูกสาวด้วยกัน 1 คน
อย่างไรก็ดีจากรายงานการลอบสังหารกว่า 600 ครั้งของคาสโตร เป็นจำนวนที่มากมายเกินกว่าจะหาข้อมูลทั้งหมดมายืนยันได้ มีหนังสือจำนวนมากที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ รวมทั้งภาพยนตร์ด้วยเช่นกัน
ท่ามกลางข่าวพิธีไว้อาลัยของอดีตผู้นำคิวบา ชาวคิวบาหลายคนเองที่อพยพมายังสหรัฐอเมริกากลับดีใจกับข่าวดังกล่าว ถึงแม้ว่ารัฐบาลของคาสโตรจะช่วยยกระดับการศึกษา และการแพทย์ให้แก่ชาวคิวบา แต่ก็ต้องแลกมากับการจับกุม และอิสรภาพของบรรดาผู้เห็นต่างจากตัวเขา มีไม่น้อยที่อพยพหนีมายังสหรัฐ
ในขณะที่ชาวคิวบาจำนวนมากเรียกเขาว่าเป็นฮีโร่ ยังคงมีผู้คนอีกมากที่เรียกเขาว่าเป็นจอมเผด็จการเช่นกัน ทางการคิวบาประกาศไว้อาลัยการเสียชีวิตของอดีตผู้นำเป็นเวลา 9 วัน นับตั้งแต่วันเสาร์เป็นต้นมา สำหรับพิธีศพจะถูกจัดขึ้นที่สุสาน Santa Ifigenia ในเมืองซานดิเอโก ในวันอาทิตย์นี้ หรือวันพรุ่งนี้ตามเวลาท้องถิ่น ร่างของคาสโตรจะถูกนำสู่พิธีเผาในวันพุธที่จะถึงนี้ และเถ้ากระดูกของเขาจะถูกนำไปเก็บไว้ตามสถานที่ต่างๆทั่วคิวบา