ศตวรรษสุดท้ายของ "หมีขั้วโลก"
"หมีขั้วโลก" กำลังเผชิญปัญหาในการดำรงชีวิตอย่างหนัก หลังจากแผ่นน้ำแข็งอันกว้างใหญ่เริ่มแหว่งวิ่น
"หมีขั้วโลก" กำลังเผชิญปัญหาในการดำรงชีวิตอย่างหนัก หลังจากแผ่นน้ำแข็งอันกว้างใหญ่เริ่มแหว่งวิ่น
**********************
โดย...ธเนศน์ นุ่นมัน
หลายท่านน่าจะคุ้นตากับภาพ หมีขาว หมีขั้วโลกหรือมีชื่ออย่างเป็นทางการ ว่า Polar Bear ผอมโซ เดินอย่างสิ้นหวังอยู่บนแผ่นน้ำแข็ง หรือไม่ก็ภาพพวกมันกำลังติดอยู่บนแผ่นน้ำแข็งเล็กๆ เหมือนติดเกาะ สายตามองไปยังดินแดนขาวโพลนของอาร์กติกที่กำลังแหว่งวิ่น ราวกับกำลังมองหาความหวังที่จะมีชีวิตรอดผ่านพ้นศตวรรษอันแสนสาหัสนี้ไปให้ได้
นักล่าแห่งขั้วโลกเหนือผู้มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้ กำลังประสบปัญหาในการดำรงชีวิตอย่างหนัก ไม่ใช่เพราะอากาศหนาวเย็นแสนโหดร้ายที่เผชิญอยู่ แต่เพราะถิ่นที่อยู่อาศัยกำลังแปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจนไม่สามารถปรับตัวรับมือได้ทัน
หน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมทุกสำนัก ระบุตรงกันว่า น้ำแข็งขั้วโลกกำลังละลาย เพราะอากาศอบอุ่นในช่วงฤดูร้อนยาวนานและทวีความรุนแรงขึ้น ปรากฏการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อต่อระบบนิเวศ ต่อวงจรชีวิตของสรรพชีวิตในภูมิภาคนี้ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลายชนิดซึ่งอาศัยอยู่กับน้ำแข็ง ไม่สามารถปรับตัวได้ทันกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะหมีขั้วโลกที่ต้องรับมือกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ฤดูร้อนที่ยาวนานขึ้นส่งผลให้น้ำแข็งในบางพื้นที่บางลงและแตกเป็นแผ่นเล็กๆ แม้นักล่าอย่างหมีขาวจะมีพลังกัดแรงกว่าฉลามขาว เสือ และสิงโตหรือมีพลัง 1,235 ปอนด์/ตารางนิ้ว วิ่งได้ด้วยความเร็วสูงสุด 40 กิโลเมตร/ชั่วโมง มีประสาทสัมผัสการรับรู้กลิ่นที่สามารถได้กลิ่นลูกแมวน้ำที่ซ่อนตัวอยู่ใต้พื้นน้ำแข็งได้ไกลถึง 2 กิโลเมตร สามารถวิวัฒนาการตัวเองจนทำให้เป็นนักล่าที่ไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำ เพราะร่างกายสามารถรับเท่าที่ร่างกายต้องการได้จากระบบพิเศษของร่างกายที่สร้างปฏิกิริยาทางเคมีสลายไขมันเป็นน้ำและสารอาหารตามที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันได้
นอกจากนี้ พวกมันยังมีขนสองชั้น ชั้นนอกป้องกันให้ขนชั้นในไม่เปียกเมื่อต้องว่ายน้ำ นอกจากนี้ มันยังสามารถว่ายน้ำได้ต่อเนื่องเป็นเวลายาวนานถึง 9 วันติดต่อกัน มีการบันทึกไว้ว่า เส้นทางที่ยาวที่สุดที่หมีขั้วโลกเคยว่ายน้ำได้นั้นไกลเกือบ 700 กิโลเมตรเลยทีเดียว
แต่กว่าที่มันจะใช้คุณสมบัติในการล่าที่แสนน่าทึ่งที่มีอยู่ได้ ต้องอาศัยองค์ประกอบอื่นๆ โดยเฉพาะสถานที่หรือถิ่นที่อยู่ต้องเอื้ออำนวย
เมื่อไม่นานมานี้ บีบีซีได้ผลิตสารคดีชุดสัตว์นักล่าในพื้นที่ต่างๆ โดยตอนหนึ่ง ทีมงานได้ตามติดชีวิตนักล่าอย่างหมีขาวภาพและเรื่องราวที่เห็น ทำให้เราทราบว่า กว่าที่หมีขาวซึ่งมีคุณสมบัติในการล่าตามที่เล่ามาข้างต้นจะสามารถล่าแมวน้ำมาเป็นอาหารได้ในแต่ละครั้ง ไม่ใช่เรื่องง่าย
หมีขั้วโลกต้องหาอาหารให้ได้ 2 ใน 3 ของปริมาณที่ต้องการตลอดทั้งปี และมันมีเวลาแค่เพียงสามเดือน ก่อนที่ฤดูร้อนจะละลายพื้นที่หาอาหาร (แผ่นน้ำแข็ง) ให้หายไป และการล่าก็มักจะมีโอกาสประสบความสำเร็จเพียง 1 ใน 5 ทุกครั้งที่ล่า มันจะใช้พลังงานอย่างมหาศาล หากล้มเหลวก็แปลว่าโอกาสที่จะรอดชีวิตที่สั้นลงๆ ทุกทีก็หายไปด้วย
แผ่นน้ำแข็งที่แตกเป็นแผ่นเล็กหรือบางลงนั้นสร้างอุปสรรคในการล่าให้หมีขั้วโลกมากมาย เพราะปกติมันสามารถเดินบนแผ่นน้ำแข็งได้อย่างเงียบกริบ ตรงเข้าตะปบแมวน้ำได้ก่อนที่จะรู้ตัว แต่น้ำแข็งที่บางลงและน้ำหนักตัวที่มีทำให้เกิดเสียงดังจนแมวน้ำหนีไปได้ก่อนที่จะเข้าใกล้ได้ และในน้ำเป็นพื้นที่ที่แมวน้ำคล่องตัวและรวดเร็วกว่าหมีขั้วโลกหลายเท่า
นอกจากนี้ บางจุดของอาร์กติกที่แตกออกเป็นช่องทาง ยังกลายเป็นการเชื้อเชิญให้นักล่าอื่นๆ อย่างวาฬเพชฌฆาต ซึ่งไม่เคยถูกพบในบางจุดเพราะเป็นพื้นที่ปิดสามารถเข้ามาล่าแมวน้ำ แย่งพื้นที่หากินของหมีขั้วโลกอีกด้วย ซึ่งวาฬเพชฌฆาตนั้นคล่องตัวในการล่าใต้น้ำมากกว่าหมีขั้วโลก ก็ยิ่งทำลายโอกาสในการยังชีพอีกทางหนึ่ง
แต่เดิมนั้น ช่วงเดือนที่น้ำแข็งละลายหมด ร่างกายของหมีขั้วโลกจะหยุดทำงาน แต่อากาศที่เปลี่ยนไปส่งผลให้กลไกตามธรรมชาติที่เคยมีผิดเพี้ยนไปจากเดิม เมื่ออากาศที่อุ่นขึ้นและมาเร็วขึ้นมาถึงในช่วงที่ร่างกายยังไม่สามารถสะสมอาหารหรือพลังงานได้เพียงพอ ร่างกายของหมีขาวก็ประท้วงด้วยการไม่หยุดทำงานตามกลไกที่เคยมีมาตั้งแต่ยุคบรรพบุรุษกำกับไว้ มันยังฝืนออกหากินต่อไปด้วยการปีนหน้าผาสูงบริเวณที่เป็นแหล่งทำรังของนกกิลเลอมอทเพื่อหาไข่และลูกนกกินเป็นอาหาร
พฤติกรรมดังกล่าวเป็นสิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้นักวิทยาศาสตร์ และแน่นอนว่า ในอนาคตอาจจะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่อย่างยากที่จะคาดเดาว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเหล่าหมีขั้วโลก ซึ่งคาดกันว่าหากผลกระทบต่อ ขั้วโลกเหนือยังไม่หยุดนิ่ง เผ่าพันธุ์ของหมีขาวก็อาจจะจมหายไปพร้อมๆ กับแผ่นน้ำแข็งในเวลาอันใกล้นี้
ภาพ เอเอฟพี