posttoday

สร้างความสำคัญให้กับชายแดนไทย

02 ธันวาคม 2562

โดย กริช อึ๊งวิฑูรสถิตย์

หลายวันก่อน มีเพื่อนจากแม่สอดมาหาที่ออฟฟิศ เราได้แลกเปลี่ยนความเห็นเรื่องการสร้างความสำคัญให้แก่ชายแดน โดยเขาเปิดหัวเรื่องมาว่าปัจจุบันนี้ทางด่านชายแดนแม่สอด ได้มีกลุ่มจีนมาเปิดกิจการด้านบ่อนคาสิโนเยอะมาก

ภายในเมืองเมียวดีมีมากถึงเกือบยี่สิบแห่ง อีกทั้งที่เมืองใหม่ชเวโก๊กกู่ ก็ได้เริ่มลงมือสร้างเกือบเจ็ด-แปดสิบเปอร์เซนต์แล้ว ราคาที่ดินในเมืองใหม่ชเวโก๊กกู่ก็แรงมากๆ

เขาคิดว่านี่เป็นโอกาสทองของเมืองแม่สอดอย่างแท้จริง และเขาบอกว่าอีกไม่นาน คนจีนจะเข้ามาเต็มเมืองไปหมด น่าจะสามารถสร้างรายได้ให้กับเมืองแม่สอดได้

เขาบอกผมว่า "อาจารย์อยากจะขอความเห็นจากอาจารย์จังเลยถึงความเป็นไปได้ ถ้าหากผมอยู่ที่นั่น ผมจะเตรียมตัวรับมือกับความเจริญที่กำลังจะตามมาอย่างไร?"

ผมจึงบอกไปว่า ผมต้องขอออกตัวก่อนนะครับว่า ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญอะไรหรอกครับ และก็ไม่ใช่หมอดูอนาคต เพียงแต่จะวิเคราะห์ผลดีผลเสียที่จะตามมาในอนาคตอย่างไร

และเราควรจะต้องรู้ใว้สักนิด เผื่อจะได้รวยกับคนอื่นเขาบ้างเท่านั้น ก่อนอื่นเราต้องรู้ว่าในอดีตเราก็เคยเห็นความเจริญของชายแดนไทยมาแล้วหลายต่อหลายจุด แล้วเราได้อะไรบ้างด้วย เช่น ที่ด่านอรัญประเทศเมืองฝั่งตรงข้ามที่นั่นคือเมืองปอยเปต เมื่อ 30 ปีก่อนนั่นที่นี่ก็เป็นแค่ชุมชนเล็กๆ มีร้านค้าไม่กี่ร้าน มีตลาดขายสินค้าอุปโภค-บริโภคจากไทยอยู่แห่งหนึ่ง

พอรัฐบาลกัมพูชาเปิดให้มีการเปิดบ่อนคาสิโนที่นั่น ปรากฎว่าเมืองเจริญขึ้นมาทันตาเห็น มีบ่อนใหญ่ๆเกิดขึ้นหลายแห่ง แล้วทางฝั่งอรัญประเทศละได้อะไรบ้าง ก็ได้แค่ขายสินค้าเพิ่มขึ้นกว่าเดิมบ้างเท่านั้นเอง ส่วนความเจริญไม่ได้ไหลเข้ามาสู่อรัญประเทศของไทยเราเท่าไหร่เลย

ผมไปอรัญประเทศล่าสุด ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปไม่มากนัก ส่วนที่คาดหวังว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากต่างชาติมาใช้บริการของร้านอาหารหรือโรงแรม กลับมีเพิ่มขึ้นน้อยมาก เพราะเขามาถึงก็ข้ามฝั่งไปที่เมืองปอยเปตกันหมด

พอข้ามกลับมาฝั่งไทย ก็รีบกลับเข้ากรุงเทพกันหมดเช่นกัน จะเห็นว่าสิ่งที่เหลือใว้สำหรับอรัญประเทศคงมีแต่ความว่างเปล่าของเมืองผ่านเท่านั้น ผมอยากจะเห็นนักวิจัยลองไปทำวิจัยเรื่อง "ความแตกต่างระหว่างก่อนหลังกำเนิดเมืองปอยเปต-เมืองแห่งการพนัน" จังเลยครับ

วันหลังคงต้องยุให้ลูกศิษย์ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงไปทำวิจัยฯดู จะได้เห็นภาพที่ชัดเจนกว่าที่ผมคิดก็ได้

อีกด่านหนึ่ง คือ ด่านเชียงแสน ตรงข้ามเมืองต้นผึ้ง ประเทศสปป.ลาว ที่นี่เกิดหลังจากบ่อนคาสิโนที่เมืองปอยเปตฝั่งประเทศกัมพูชาเกิด ซึ่งน่าจะเกิดเมื่อสิบกว่าปีก่อน แต่มาบูมกันจริงๆจังๆไม่เกินสิบปีที่ผ่านมา

เพราะมีการย้ายบ่อนคาสิโนจากเมืองบ่อเตนข้ามมาที่นี่ ผมสังเกตุดูว่าอำเภอเชียงแสนก่อนหน้านั้นสักร่วม 30 ปีที่ผ่านมา จะมีสามเหลี่ยมทองคำเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของภาคเหนือ

และจะบูมมากในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา หลายค่ายของขุมกำลังทรัพย์ที่เป็นผู้ประกอบการ ก็แห่กันไปเก็งกำไรกันเยอะมาก อีกทั้งโรงแรมสี่ดาว ห้าดาวก็ไปลงที่นั่น

แต่พอนักท่องเที่ยวหดหายไป ร้านค้าแถบชายฝั่งแม่น้ำโขงในเขตอำเภอเชียงแสนก็เงียบเหงาลงทันที ในช่วงสิบกว่าปีมานี้ หากใครได้ไปท่องเที่ยวที่สามเหลี่ยมทองคำ ก็จะเห็นมากับตาว่าเป็นเช่นไร

แต่พอเริ่มมีบ่อนคาสิโนมาเปิดฝั่งตรงข้าม ผมก็มีโอกาสได้ไปดูอีกหลายต่อหลายครั้ง เพราะผมมีสินค้าไปลงที่ด่านนี้พอควร อีกอย่างผมเองก็มีที่ดินอยู่ที่นี่ด้วย

ผมมีความรู้สึกว่าความเจริญยังค่อยๆกระดึ๊บๆๆไปที่ละน้อยทีละน้อย ไม่เห็นว่าจะรวดเร็วดังสายฟ้าอย่างที่คิดเลย

แม้จะมีการสร้างท่าเรือแม่น้ำโขงที่เป็นเรื่องเป็นราวก็ตาม ส่วนการพัฒนาด้านการค้าและการลงทุน แม้จะมีบ่อนคาสิโนหลายแห่งในเมืองต้นผึ้ง (ในอดีตเป็นแค่หมู่บ้านเล็กๆ ปัจจุบันน่าจะเรียกว่าเมืองได้แล้ว)ก็ตาม

การค้าการขายที่เชียงแสนก็ไม่ได้อาณิสงค์ของเมืองบ่อนการพนัน จะมีแต่สิบสองปันนาของประเทศสาธารณประชาชนจีนเท่านั้น

ที่มีผลกระทบต่อการค้าการส่งออกมากขึ้น สังเกตุดูว่าถ้าเมื่อใดที่น้ำในแม่น้ำโขงลด การเดินเรือไม่สะดวก หรือหากวันใดที่ด่านสิบสองปันนาที่ท่าเรือกวนหลุ้ย หรือ ด่านบ่อเต็นชายแดนสปป.ลาว ติดกับชายแดนบ่อหานหรือเมืองโม่ฮ้านฝั่งประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนเข้มงวดเมื่อใด
สินค้าส่งออกทั้งฝั่งอำเภอเชียงแสนและอำเภอเชียงของจะเงียบเหงาทุกที

แต่พอปัจจัยทั้งสองแห่งที่กล่าวมาเป็นไปในทางบวก ทุกอย่างก็จะคึกคักทันตาเห็น โดยไม่ได้เกี่ยวข้องกับบ่อนคาสิโนที่จะส่งผลต่อการค้าการส่งออกเลยครับ

อาทิตย์หน้าผมจะมาเล่าถึงมุมมองของผมว่าเราจะกระตุ้นเมืองชายแดนให้เป็นเมืองสำคัญของการค้าชายแดนได้อย่างไรครับ