‘สี จิ้น ผิง’ เยือนรัสเซีย แนะแก้วิกฤตยูเครนให้สมเหตุสมผล
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนมีกำหนดจะเดินทางถึงมอสโกในวันจันทร์เพื่อเจรจาข้อเรียกร้องให้วิกฤตยูเครนมี “ทางออกที่สมเหตุสมผล” แต่เขายังยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะหาทางออกในวิกฤตนี้
ตามรายงานของหนังสือพิมพ์รัสเซีย Rossiiskaya Gazeta ระบุว่า ในการหารือต่อสถานการณ์วิกฤตรัสเซีย-ยูเครน ประธานาธิบดีสี จิ้น ผิงชี้ว่าแนวทางออกควรอยู่บนพื้นฐานแผนสันติภาพ 12 ข้อที่จีนเคยเสนอไป ซึ่งจะเป็นทางออกที่สร้างสรรค์ ผลที่ตามมาจะไม่มีฝ่ายใดได้เปรียบเสียเปรียบไปมากกว่ากัน ทั้งยังส่งเสริมดุลยภาพทางการเมือง แต่อย่างไรก็ตามปัญหาที่ซับซ้อนและคาราคาซังอาจแก้ไม่ได้ง่ายๆ
“ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันทั่วโลก สันติภาพที่ไร้ซึ่งการแบ่งพรรคแบ่งฝ่ายและไร้ซึ่งกลียุคถือเป็นผลประโยชน์ร่วมกันของมวลมนุษยชาติ” ประธานาธิบดีจีน ระบุ
นอกจากนี้สี ยังระบุว่า การเดินทางเยือนรัสเซียของเขามีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างมิตรภาพระหว่างทั้งสองประเทศ
การเยือนมอสโกของสีถือเป็นครั้งแรกของเขานับตั้งแต่ปูตินส่งกำลังทางทหารของรัสเซียเข้าไปในยูเครนช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2022 โดยทางการจีนแสดงจุดยืนของตนว่าเป็นกลาง แม้ว่าความสัมพันธ์กับรัสเซียจะมีความใกล้ชิดสนิทสนมจนเป็นที่ประจักษ์ก็ตาม
ทั้งนี้ ตามรายงานคาดว่าสี จิ้น ผิง อาจหารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดียูเครน โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ภายหลังการเยือนมอสโก
ประธานาธิบดีจีนจะเป็นผู้นำโลกคนแรกที่เข้าพบปูติน นับตั้งแต่ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ออกหมายจับเขาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
สี จิ้น ผิง และ ปูติน เพิ่งพบกันไม่นานก่อนที่รัสเซียจะส่งทหารบุกยึดพื้นที่ในยูเครน ซึ่งยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าประธานาธิบดีสี มีส่วนรู้เห็นในแผนการของรัสเซียที่จะบุกยูเครนหรือไม่
ประธานาธิบดีสีพยายามนำเสนอภาพลักษณ์จีนในฐานะผู้สร้างสันติภาพระดับโลก รวมถึงยังแย้งว่าทางออกของวิกฤตนั้นมีแน่ หากทุกคนมีแนวคิดเรื่องความมั่นคงและความยั่งยืนร่วมกัน รวมถึงสานต่อการเจรจา ปรึกษาหารือด้วยความเสมอภาคให้เป็นไปอย่างสุขุมรอบคอบและจริงจัง
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อแผ่นดินใหญ่ยืนกรานที่จะเล่น “บทบาทเชิงสร้างสรรค์” ที่จะยุติความขัดแย้งในยูเครน ประธานาธิบดีปูตินแห่งรัสเซียก็ได้แสดงท่าทีที่ทั้งยินดีและตั้งความคาดหวังกับทางการจีนในการหารือ พร้อมเสริมว่าขณะนี้ ความสัมพันธ์จีน-รัสเซียกำลังอยู่ในจุดสูงสุด
ทั้งนี้ จีนไม่ได้ประณามการกระทำของรัสเซียที่มีต่อยูเครนว่าเป็นการรุกราน แต่กลับวิจารณ์นานาชาติที่หันหลังคว่ำบาตรต่อรัสเซียและบุคคลสำคัญทางการเมือง