ผู้ส่งออกไทย-เวียดนามเจรจาข้อตกลงซื้อขายข้าวปริมาณ 500,000 ตันใหม่
ผู้ส่งออกข้าวของไทยและเวียดนามกำลังเจรจาราคาใหม่ตามสัญญาซื้อขายที่ประมาณครึ่งล้านเมตริกตันสำหรับการจัดส่งในเดือนสิงหาคม แหล่งข่าวการค้า 2 แห่งระบุ เนื่องจากคำสั่งห้ามของอินเดียทำให้อุปทานทั่วโลกเข้มงวดขึ้น
ผู้ส่งออกกำลังเร่งระบายข้าวจากชาวนาที่ขึ้นราคาตามกระแสในตลาดโลก ทำให้ข้อตกลงมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ตกอยู่ในความเสี่ยง
เกษตรกรผู้ปลูกข้าวและผู้ส่งออกที่ซื้อการขนส่งล่วงหน้าจะได้รับผลประโยชน์จากอุปทานโลกที่ตึงตัว ในขณะที่ผู้ซื้อมีแนวโน้มที่จะสูญเสียแม้จะจองสินค้าก่อนที่อินเดียจะประกาศห้ามส่งออก เนื่องจากผู้ขายเปลี่ยนสัญญาเพื่อให้ได้ราคาที่สูงขึ้น
ผู้นำเข้าข้าวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องจ่ายในอัตราที่สูงขึ้น เนื่องจากผู้ขายจะผิดนัดสัญญา เนื่องจากราคาวัตถุดิบสูงขึ้นอย่างมาก ผู้ค้ากล่าว
เมื่อปลายเดือนที่แล้ว อินเดียสั่งห้ามส่งออกข้าวขาว ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการผลิตในประเทศ ทำให้ความกังวลด้านอุปทานอาหารสูงขึ้นในหมู่ผู้นำเข้าข้าวหลักในเอเชียและแอฟริกา
“ราคาสูงขึ้นตั้งแต่อินเดียสั่งห้ามส่งออก และเป็นเรื่องยากสำหรับซัพพลายเออร์ที่จะปฏิบัติตามสัญญาที่ลงนามในราคาที่ต่ำกว่า” ผู้ค้ารายหนึ่งในสิงคโปร์ซึ่งมีความเชี่ยวชาญโดยตรงเกี่ยวกับการเจรจากล่าว
ไทยและเวียดนามซึ่งเป็นผู้ส่งออกอันดับ 2 และ 3 ของโลกตามลำดับ คาดว่าจะจัดส่งข้าวมากกว่าหนึ่งล้านเมตริกตันในเดือนสิงหาคม อินเดียเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลก คิดเป็นประมาณ 40% ของอุปทานทั่วโลก
ราคาข้าวพันธุ์สำคัญที่ส่งออกไปทั่วโลกเพิ่มขึ้นประมาณ 80 ดอลลาร์ต่อเมตริกตัน นับตั้งแต่อินเดียออกคำสั่งห้ามเมื่อวันที่ 20 ก.ค.
ราคาข้าวหัก 5% ของไทยเพิ่มขึ้นเป็น 625 ดอลลาร์ต่อเมตริกตัน เทียบกับ 545 ดอลลาร์เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ขณะที่ข้าวพันธุ์เดียวกันจากเวียดนามเพิ่มขึ้นเป็น 590 ดอลลาร์ต่อเมตริกตัน เมื่อเทียบกับ 515-525 ดอลลาร์สหรัฐฯ
“ราคาปัจจุบันสูงกว่าราคาที่ทำสัญญาไว้มาก” ผู้ค้ารายหนึ่งในนครโฮจิมินห์กล่าว “ราคาส่งออกที่พุ่งสูงขึ้นส่งผลให้ราคาข้าวเปลือกในประเทศพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้ค้าหลายรายกำลังเร่งรัดเพื่อเร่งรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกร”
ในขณะที่ผู้ส่งออกรายใหญ่มีแนวโน้มที่จะปฏิบัติตามสัญญา บริษัทการค้าขนาดเล็กคาดว่าจะผิดนัดในการจัดส่งสินค้า
ผู้นำเข้า รวมทั้งฟิลิปปินส์ มีแนวโน้มที่จะขอข้อตกลงโดยตรงกับรัฐบาลของประเทศผู้ส่งออก เพื่อให้แน่ใจว่ามีสต๊อกข้าวเพียงพอกับการบริโภคในประเทศ
เจ้าหน้าที่เกษตรอาวุโสกล่าวเมื่อวันอังคารว่า ฟิลิปปินส์จะเพิ่มสต๊อกข้าว รวมถึงการนำเข้า โดยรัฐบาลจะสนับสนุนให้ผู้ค้าเอกชนเพิ่มปริมาณการสั่งซื้อ