ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวก ราคาทองทำสถิติสูงสุดตลอดกาลจากแนวโน้มลดดอกเบี้ย

ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ซื้อขายผันผวนตลอดวันก่อนที่จะปิดสูงขึ้น หลังจากดัชนีราคาผู้ผลิตในสหรัฐฯ ที่ร้อนกว่าที่คาดเล็กน้อย แต่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมนโยบายในสัปดาห์หน้า 

ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) สำหรับอุปสงค์ขั้นสุดท้ายเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนสิงหาคม เทียบกับประมาณการการเติบโต 0.1% ตัวเลขหลักซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่ผันผวน เพิ่มขึ้น 0.3% สูงกว่าการคาดการณ์ 0.2%

นอกจากนี้ การขอรับสวัสดิการว่างงานของรัฐเบื้องต้นอยู่ที่ 230,000 รายสำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 7 กันยายน ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์

ข้อมูลการจ้างงานและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่อ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาได้กระตุ้นให้เกิดการเดิมพันว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่าปกติ 50 bps แต่การคาดการณ์ดังกล่าวได้จางหายไปหลังจากรายงานเงินเฟ้อเมื่อวันพุธ

แม้ว่าในวันพฤหัสบดี ตัวเลขก็บังมีความผันผวน นักลงทุนยังคงเดิมพันโอกาส 69% ที่ธนาคารกลางสหรัฐจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 25 bps ในการปนะชุมในวันที่ 17-18 กันยายน ตามรายงาน FedWatch Tool ของ CME มันจะเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (.DJI) เพิ่มขึ้น 235.06 จุดหรือ 0.58% เป็น 41,096.77 จุด

ส่วน S&P 500 (.SPX) เพิ่มขึ้น 41.63 จุดหรือ 0.75% เป็น 5,595.76 จุด

และ Nasdaq Composite ( .IXIC) เพิ่มขึ้น 174.15 จุด หรือ 1.00% ปิดที่ 17,569.68 จุด

ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเกือบ 3%  เนื่องจากนักลงทุนยังไม่แน่ใจว่าผลผลิตของสหรัฐฯ จะถูกขัดขวางมากแค่ไหนจากผลกระทบของพายุเฮอริเคนฟรานซีนต่ออ่าวเม็กซิโก ผู้ผลิตน้ำมันเมื่อวันพฤหัสบดีกล่าวว่าพวกเขากำลังลดกำลังการผลิต แม้ว่าท่าเรือส่งออกบางแห่งจะเริ่มเปิดอีกครั้งก็ตาม

ราคาน้ำมันดิบสหรัฐปิดที่ 2.72% สู่ 69.14 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และเบรนต์เพิ่มขึ้น 2.21% สู่ 72.17 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ราคาทองคำพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันพฤหัสบดี เนื่องจากนักลงทุนมองว่าโลหะมีค่าเป็นการลงทุนที่น่าดึงดูดยิ่งขึ้นก่อนที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ย

ทองสปอตเพิ่มขึ้น 1.85% สู่ระดับ 2,558 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองคำล่วงหน้าของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 1.79% สู่ระดับ 2,557 ดอลลาร์ต่อออนซ์