ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวก จากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี นักลงทุนยังรอข้อมูลเงินเฟ้อ

ดัชนีหลักทั้งสามดัชนีซึ่งเผชิญกับการขายออกในวันจันทร์ โดยลดลงประมาณ 1% ต่อดัชนี เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรกระทรวงการคลัง รวมถึงความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรงขึ้น และการประเมินการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ใหม่

อย่างไรก็ตาม อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรกระทรวงการคลังที่อ่อนตัวลงบ้างในวันอังคาร ส่งผลให้นักลงทุนถูกดึงดูดไปยังหุ้นที่มีการเติบโตสูง ซึ่งได้รับประโยชน์จากต้นทุนหนี้ที่ลดลงเพื่อกระตุ้นการเติบโต เช่น บริษัทเทคโนโลยี

ดัชนีเทคโนโลยีสารสนเทศ (.SPLRCT) ซึ่งเป็นกลุ่มหลักใน S&P 500 เพิ่มขึ้น 2.1%  ในขณะหุ้นเทคโนโลยีรุ่นเฮฟวี่เวทก็ลอยตัวเช่นกัน โดยช่วยผลักดันทั้ง Nasdaq (.IXIC) และ S&P 500 (.SPX) กลับมาเหนือระดับที่พวกเขาปิดการซื้อขายเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว 

ในวันอังคาร ดัชนี S&P 500 (.SPX) เพิ่มขึ้น 55.19 จุดหรือ 0.97% เป็น 5,751.13 จุด 

ในขณะที่ Nasdaq Composite (.IXIC) เพิ่มขึ้น 259.01 จุดหรือ 1.45% สู่ 18,182.92 จุด

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (.DJI) เพิ่มขึ้น 126.13 จุดหรือ 0.30% ปิดที่ 42,080.37 จุด

ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง ภายหลังการพุ่งขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ซึ่งจุดชนวนจากสงครามที่ขยายความรุนแรงมากขึ้นในตะวันออกกลาง เนื่องจากความกลัวที่คลี่คลายลงจากการหยุดชะงักด้านอุปทานจากความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน และพายุเฮอริเคนขนาดยักษ์ในอ่าวเม็กซิโก

ราคาน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 4.63% สู่ 73.57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และเบรนต์ร่วงลงสู่ 77.18 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 4.63% เช่นกัน

ราคาทองคำร่วงลงมากกว่า 1% ในวันอังคาร และอยู่ในทิศทางของการลดลงมากที่สุดในรอบ 1-1/2 เดือน เนื่องจากข้อมูลการจ้างงานล่าสุดของสหรัฐฯ ทำให้ความคาดหวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ลง ในขณะที่ตลาดต่างรอคอยรายงานการประชุมล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐฯ ประชุมนโยบายหาสัญญาณใหม่

ราคาทองสปอตร่วงลง 1.1% สู่ระดับ 2,614.49 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อเวลา 13:59 น. ET (1759 GMT) ร่วงลงเป็นครั้งที่ 5 ติดต่อกันและขยับต่อไปจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันที่ 26 กันยายนที่ $2,685.42

ราคาทองคำล่วงหน้าของสหรัฐฯ ลดลง 1.1% ที่ 2,635.40 ดอลลาร์