ตลาดหุ้นสหรัฐบวก ดาวโจนส์ยังทำสถิติสูงสุดใหม่ จากหุ้นกลุ่มชิป

ดัชนีหุ้นวอลล์สตรีทหลักอื่นๆ ส่วนใหญ่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก เนื่องจาก S&P 500 ลดลงเล็กน้อย และ Nasdaq Composite ก็เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย

Taiwan Semiconductor Manufacturing Co (2330.TW) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปตามสั่งรายใหญ่ที่สุดของโลก ได้กำไรเหนือการคาดการณ์ของตลาด และคาดการณ์รายได้ในไตรมาสที่สี่ที่เพิ่มขึ้น โดยได้แรงหนุนจากความต้องการชิปปัญญาประดิษฐ์

หุ้นที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ของบริษัทผู้ผลิตชิปจึงเพิ่มสูงขึ้น 9.8% ในขณะที่หุ้นที่เป็นที่นิยมด้านปัญญาประดิษฐ์และเป็นลูกค้าของ TSMC อย่าง Nvidia ก็เพิ่มขึ้น 0.9%

การคาดการณ์ในเชิงบวกแพร่ไปยังหุ้นชิปอื่นๆ โดยส่งผลให้ดัชนี Philadelphia SE Semiconductor (.SOX) สูงขึ้น 1%

ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐฯ ยืนยันการเติบโตที่แข็งแกร่งในประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก ขณะเดียวกันก็ส่งผลต่อเดิมพันการปรับลดอัตราดอกเบี้ยพื้นฐาน 25 จุดในการประชุมครั้งต่อไปของธนาคารกลางสหรัฐ โดยส่วนใหญ่ยังคงเดิมที่ 89.4% ตามข้อมูลของ FedWatch ของ CME

ยอดค้าปลีกสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนกันยายน มากกว่าที่คาดไว้เล็กน้อย ในขณะที่ยอดขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลงอย่างไม่คาดคิด

ดัชนี S&P 500 (.SPX) ร่วง 1.00 จุด หรือ 0.02% ปิดที่ 5,841.47 จุด 

ส่วนดัชนี Nasdaq Composite (.IXIC) เพิ่มขึ้น 6.53 จุด หรือ 0.04% ปิดที่ 18,373.61 จุด 

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (.DJI) เพิ่มขึ้น 161.35 จุดหรือ 0.37% เป็น 43,239.05

จุด

ราคาน้ำมันดิบขยับสูงขึ้นเนื่องจากนักลงทุนต้องเผชิญการขยายตัวของความขัดแย้งในตะวันออกกลางและการลดลงของสินค้าคงคลังในสหรัฐฯ ด้วยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง

ราคาน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.40% เป็น 70.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และเบรนต์เพิ่มขึ้นเป็น 74.45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.31% 

ราคาทองคำแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์จากความคาดหวังสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมจากเฟด และความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พฤศจิกายน

ราคาทองสปอตเพิ่มขึ้น 0.7% สู่ระดับ 2,691.97 ดอลลาร์ต่อออนซ์