“ปราโบโว”ขึ้นประธานาธิบดีคนที่ 8 ของอินโดนีเซีย ลั่นปราบคอร์รัปชัน
นายปราโบโว ซูเบียนโต สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของอินโดนีเซีย เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ก่อนนำ ครม.ใหม่สาบานตนวันนี้ ประกาศเจตนารมณ์ที่จะจัดการกับปัญหาภายในประเทศ อาทิ การทุจริตคอร์รัปชันที่รังควานประเทศ และผลักดันให้ประเทศพึ่งพาตนเองได้มากขึ้น
ปราโบโว วัย 73 ปี ได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ จากอดีตผู้บัญชาการทหารที่เคยเผชิญข้อกล่าวหาเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนซึ่งยังไม่ได้รับการพิสูจน์ มาสู่การกวาดคะแนนเสียงเลือกตั้งและก้าวขึ้นเป็นผู้นำประเทศที่มีประชากร 280 ล้านคน
ปราโบโวได้เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 8 ของอินโดนีเซีย ประเทศที่มีระบอบประชาธิปไตยใหญ่เป็นอันดับสามของโลกอย่างเป็นทางการเมื่อเช้าวันอาทิตย์ หลังจากการสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในพิธีที่รัฐสภาอินโดนีเซีย
ปราโบโว ซึ่งเคยพ่ายแพ้ในการลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีมาแล้วสองครั้ง ได้กล่าวสุนทรพจน์อย่างเร่าร้อนต่อสมาชิกรัฐสภาว่า เขาจะเป็นประธานาธิบดีเพื่อชาวอินโดนีเซียทุกคน และเรียกร้องให้ประชาชนร่วมมือกับเขาในการเผชิญหน้ากับปัญหาของประเทศ
"เราต้องตระหนักเสมอว่าชาติที่เป็นอิสระคือชาติที่ประชาชนมีเสรีภาพ" ปราโบโวกล่าวด้วยน้ำเสียงเข้ม
"ประชาชนต้องเป็นอิสระจากความกลัว ความยากจน ความหิวโหย ความไม่รู้ การกดขี่ และความทุกข์ทรมาน"
ในสุนทรพจน์ที่ครอบคลุมประเด็นต่างๆ ซึ่งใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง ปราโบโวระบุว่าการพึ่งพาตนเองด้านอาหารสามารถเป็นไปได้ภายในห้าปี พร้อมทั้งให้คำมั่นว่าจะทำให้ประเทศพึ่งพาตนเองได้ในด้านพลังงาน
ประธานาธิบดีคนใหม่ประกาศเจตนารมณ์ที่จะขจัดการทุจริตคอร์รัปชัน และกล่าวว่าแม้เขาต้องการให้ประเทศอยู่ในระบอบประชาธิปไตย แต่ต้องเป็นประชาธิปไตยที่ "สุภาพ"
"ความเห็นต่างต้องไม่นำมาซึ่งความเป็นศัตรู... การต่อสู้ต้องปราศจากความเกลียดชัง"
ปราโบโว ชนะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ด้วยคะแนนเสียงเกือบร้อยละ 60 และได้ใช้เวลาเก้าเดือนที่ผ่านมาในการสร้างพันธมิตรในรัฐสภาที่เข้มแข็ง
เขาได้เข้าร่วมพิธีสาบานตนพร้อมกับผู้สมัครรองประธานาธิบดีของเขา นายกิบรัน รากาบูมิง รากา วัย 37 ปี ซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของประธานาธิบดี โจโก "โจโควี" วิโดโด ที่กำลังจะพ้นตำแหน่ง และได้ประกาศรายชื่อคณะรัฐมนตรีที่มีการผสมผสานระหว่างมืออาชีพและผู้ได้รับการแต่งตั้งทางการเมือง แต่รัฐมนตรีส่วนใหญ่ที่ดูแลด้านเศรษฐกิจยังคงเป็นชุดเดียวกับสมัยประธานาธิบดีโจโควี
หนึ่งในการประกาศที่สำคัญคือตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งจะนำโดยนายสุกิโอโน อดีตสมาชิกหน่วยรบพิเศษของกองทัพ
ปราโบโวได้กล่าวถึงนโยบายต่างประเทศในสุนทรพจน์ของเขา โดยระบุว่าอินโดนีเซียจะวางตัวเป็นกลางบนเวทีโลก แต่เขายืนหยัดสนับสนุนประชาชนชาวปาเลสไตน์และกล่าวว่าจาการ์ตาพร้อมที่จะส่งความช่วยเหลือเพิ่มเติมไปยังกาซา
อย่างไรก็ตาม นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนระบุว่า ข้อกล่าวหาในอดีตต่อปราโบโวเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมในการลักพาตัวนักกิจกรรมนักศึกษาและการละเมิดสิทธิมนุษยชนในปาปัวและติมอร์ตะวันออก ได้สร้างความกังวลเกี่ยวกับแนวทางประชาธิปไตยของอินโดนีเซีย แต่ปราโบโวปฏิเสธข้อกล่าวหาที่นำไปสู่การปลดเขาออกจากกองทัพในปี 2541 ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่อินโดนีเซียหลุดพ้นจากการปกครองแบบเผด็จการที่ยาวนานหลายทศวรรษของอดีตประธานาธิบดีซูฮาร์โต