ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวก ราคาทองพุ่งแตะ 3,000 เหรียญทุบสถิติ

นโยบายด้านภาษีของ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่สุ่มเสี่ยงทำให้สงครามการค้าขยายตัว กระตุ้นให้เกิดความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย และลดความยอมรับความเสี่ยง 

 

แต่การที่ยังไม่มีการประกาศนโยบายใหม่ในวันศุกร์ ทำให้นักลงทุนมีเวลาหายใจ และหันกลับมามองหาหุ้นราคาถูกจากที่มีการเทขายกันก่อนหน้านี้

 

ดัชนีหุ้นหลักทั้งสามของสหรัฐฯ ฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยหุ้นขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีก็กลับมามีทิศทางดีอีกครั้ง หุ้นโมเมนตัมที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ Magnificent 7 ทุกตัวปิดเพิ่มขึ้น แม้ว่าจะมีหกหุ้นที่ยังคงลดลงในปีนี้ก็ตาม

 

S&P 500 และ Nasdaq ทำสถิติเปอร์เซ็นต์ที่เพิ่มขึ้นสูงสุดในหนึ่งวันนับตั้งแต่วันที่ 6 พฤศจิกายน หนึ่งวันหลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

 

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (.DJI) เพิ่มขึ้น 674.62 จุดหรือ 1.65% เป็น 41,488.19 จุด

 

ดัชนี S&P 500 (.SPX) เพิ่มขึ้น 117.42 จุด หรือ 2.13% ปิดที่ 5,638.94 จุด

 

และ Nasdaq Composite (.IXIC) เพิ่มขึ้น 451.07 จุด หรือ 2.61% ที่ 17,754.09 จุด

 

ราคาน้ำมันฟื้นตัวขึ้นในวันศุกร์ หลังจากร่วงลงอย่างมากในช่วงก่อนหน้า เนื่องจากนักลงทุนประเมินแนวโน้มที่ลดลงของการยุติสงครามยูเครนอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจนำอุปทานพลังงานของรัสเซียกลับเข้าสู่ตลาดตะวันตกมากขึ้น

 

ราคาน้ำมันดิบสหรัฐปิดที่ 67.18 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.95% 

 

ขณะที่เบรนต์ปิดที่ 70.58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 1% หรือ 70 เซนต์

 

การเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้งของราคาทองคำส่งผลให้ราคาโลหะมีค่าสูงกว่าระดับทางจิตวิทยาที่ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นครั้งแรก 

 

เนื่องจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจส่งผลให้นักลงทุนเร่งรีบเข้าสู่สินทรัพย์ที่ปลอดภัย

 

ราคาทองสปอตแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,004.86 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในวันศุกร์ ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดตลอดกาลครั้งที่ 13 ในปี 2568 

 

ราคาทองได้เพิ่มขึ้นแล้ว 14% ในปีนี้ หลังจากเพิ่มขึ้น 27% ในปี 2567