สุธิราช วงศ์เทวัญ กับชีวิตง่ายๆ ในความพอเพียง
ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ของโครงการ “ก้าวตามรอยพ่อ”
โดย : วันพรรษา อภิรัฐนานนท์ ภาพ : กุ้ง สุธิราช
ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ของโครงการ “ก้าวตามรอยพ่อ” ของสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) กุ้ง-สุธิราช วงศ์เทวัญ ดารานักร้องและลิเกคนดัง ผู้ก้าวตามรอยพ่อ ก้าวตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทุกวันนี้เขาใช้ชีวิตด้วยความพอเพียง และกล้าพูดว่าชีวิตของเขาคืนสู่ความสุข คืนสู่ความช้า คืนสู่ความชุ่มเย็น ผลจากการใช้ชีวิตด้วยความรู้จักรู้ประมาณ ก้าวตามรอยพ่อ...วันนี้ ที่ชัยนาท บ้านเกิด
“การงานรัดตัว จนช่วงหนึ่งแทบจะไม่มีเวลาใช้ชีวิต” กุ้งเล่า
วันหนึ่งๆ ของดารานักร้องลิเกคนดัง มีตั้งแต่การถ่ายละคร จากนั้นก็ “ตี” ไปเล่นลิเก เช้ามาถ่ายละครต่อ สลับกับไปออกงานอีเวนต์ โชว์ตัวโชว์วง ยิ่งงานแน่นช่วงหน้างานชุก ก็ยิ่งไปกันใหญ่ ชีวิตไม่เคยได้ช้า ต้องทำอะไรหรือมีอะไรให้ทำรีบเร่งตลอดเวลา เหนื่อยและ
พักผ่อนน้อย กลายเป็นเรื่องปกติ ที่ก็ต้องบอกตรงๆ ว่า เครียดเหมือนกัน เห็นเป็นลิเกร้องรำทำเพลงสนุกสนาน แต่ก็เครียดไปอีกแบบและหลายๆ แบบ งานส่วนใหญ่อยู่เบื้องหน้า ถ้าผลงานการแสดงออกมาไม่ดีก็เครียดแล้ว
“โชคดีที่เป็นคนไม่เก็บ ไม่เครียดนาน ไม่เก็บความเครียดข้ามวันข้ามคืน และโชคดีกว่านั้นที่ได้เกิดมาในรัชสมัยรัชกาลที่ 9 ที่ได้มีโอกาสน้อมนำหลักปรัชญาเรื่องความพอเพียงของพระองค์ท่าน นำมาปรับใช้กับชีวิตและการทำงาน” กุ้ง เล่า
อยู่บ้านนอก ก็เป็นคนบ้านนอกน่ะสิ กุ้งพูดด้วยรอยยิ้มภาคภูมิว่า ภูมิใจที่เกิดมาอยู่ในตระกูลลิเก “วงศ์เทวัญ” นี้ ได้ทำมาหาเลี้ยงด้วยลิเกมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย จนมาถึงรุ่นพ่อรุ่นแม่ บ้านเกิดอยู่ที่ อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท ปัจจุบันได้ขยายต่อเติมบ้านหลังเก่าที่อยู่มาให้ดีขึ้น สะดวกสบายขึ้น รวมทั้งสร้างบ้านใหม่อีกหนึ่งหลัง เชื่อมต่อติดกันอยู่ ครอบครัวญาติมิตรและทีมงานลิเกก็อยู่ด้วยกันที่นี่
“ญาติพี่น้อง ป้าลุง ยายตา น้าจิ้งหรีดขาว ก็อยู่แถวนี้ ละแวกใกล้ๆ กันทั้งหมด ที่ดินที่เป็นที่เช่าของวัด ซึ่งก็อยู่กันมาตั้งแต่ไหน ผมเองอยู่ที่นี่ตั้งแต่เกิด ครั้งหนึ่งแยกตัวไปปลูกบ้านใหม่อยู่ที่สิงห์บุรี แต่ที่สุดก็ย้ายกลับมา เพราะเหงาทนอยู่คนเดียวไม่ไหว เราคุ้นเคยกับวงวานว่านเครือลิเกที่นี่” กุ้ง เล่า
ไม่เพียงผู้คนคุ้นเคยที่สนิทสนม “บ้าน” ของกุ้งยังรวมน้องหมาที่ทำให้การใช้ชีวิตที่บ้านมีความหมาย บ้านหลังนี้เลี้ยงหมามาหลายรุ่นหลายสมัย สมัยปัจจุบันคือหมา 4 ตัว ได้แก่ ฟุดฟิด แฟรงค์เฟิร์ต โอโม่ และฟีฟ่า เป็นพันธุ์ชิสุผสมพุดเดิ้ล ส่วนฟีฟ่าเป็นพันธุ์ฟินช์ค็อกเกอร์ ส่วนแมวอีกมากมายล้วนสมัครใจมา ได้ชื่อเป็นแมววงลิเก หรู-เริ่ด-เชิด-หยิ่งมาก
ทวีป-ชัยณรงค์ วงศ์เทวัญ ลิเกโด่งดังในเขตภาคกลาง พ่อและแม่อุ้มลูกชายไปเล่นลิเกมาตั้งแต่เล็ก เรียกว่าโตมากับวงลิเก แม้ตอนเด็กกุ้งจะขี้อายไม่น้อย และไม่คิดเลยว่าจะกล้าแสดงออกร้องรำต่อหน้าแฟนๆ เบื้องหน้าเวที แต่เพราะกุศโลบายของแม่ทวีป ที่ติดสินบนและเบี้ยบ้ายรายทางทุกคนที่รู้จัก ให้นำพวงมาลัยติดแบงก์ไปคล้องคอเด็กชายกุ้ง ที่รำเดี่ยวบนเวทีงานเลี้ยงส่งครูที่โรงเรียน ตั้งแต่นั้นกุ้งก็หันมาชอบทางลิเกและเอาดีจนได้เป็นพระเอกพระรองทันพ่อ-ชัยณรงค์ ที่จะลาโรงไป
“เล่นลิเกมาตั้งแต่อายุ 16-17 ปี และเรียกได้ว่าไม่เคยหยุดเลยตั้งแต่นั้น ชีวิตลิเกเป็นชีวิตที่ต้องบริหารจัดการ ทั้งวุ่นวายและทั้งต้องใช้ความเป็นมืออาชีพ ผมรู้ดี แต่มารู้ซึ้งก็เมื่อพ่อเสีย” กุ้ง เล่า
ความรู้สึกแทนพ่อ ต้องทำแทนพ่อ ก็เมื่อพ่อเสียชีวิตจากไปด้วยโรคมะเร็งตับ โดยกุ้งเริ่มเข้ามารับผิดชอบงานใหญ่เมื่อพ่อล้มเจ็บเมื่อ 2 ปีก่อน แม่พูดกับลูกๆ ในวันหนึ่งว่า จากนี้ไปแม่ขอดูแลพ่อนะ พี่น้องต้องไปช่วยกันดูลิเกนะ แม่หมายถึงเขากับน้องสาว วิรดา วงศ์เทวัญ พ่อป่วยเป็นมะเร็งตับก็เพราะพักผ่อนน้อย
กุ้ง เล่าว่า พ่อรักลิเกมาก พ่อรักอาชีพนี้ มิเคยอางขนางว่าต่ำต้อย ที่ผ่านมาพ่อที่แม้ตัวเองจะจบแค่ ป.4 แต่บริหารวงลิเกจนมีชื่อเสียงโด่งดัง วงศ์ตระกูลไม่เคยด่างพร้อย พ่อดูแลทีมงานด้วยเมตตา พระเดชมีบ้างแต่เน้นพระคุณมากกว่า ลูกน้องรักพ่อ เมื่อเขาเข้ามาดูแลแทนพ่อ ก็พยายามประคับประคอง ถ่ายทอดความรักความรู้สึกของพ่อต่อลิเกออกมาให้เต็มที่และให้ดีที่สุด
พ่อเสียชีวิตลงในเดือน ก.พ. 2560 ที่คิดว่าเสียใจมากแล้ว ยังไม่ใช่ เพราะในเดือน ต.ค.ของปีเดียวกัน ในหลวงรัชกาลที่ 9 ก็เสด็จสวรรคต นำมาซึ่งความอาลัยต่อกุ้งและครอบครัวเป็นที่สุด หากเขาได้แปรความเศร้าเป็นพลัง พ่อทิ้งวงลิเกที่พ่อรักและมีค่ามากไว้ให้ ภาระหน้าที่มีอยู่ เขาได้นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจเรื่องความพอเพียงมาใช้กับการบริหารวงลิเกของพ่อ เดินหน้าลิเก การแสดงพื้นบ้านของไทยให้ยืนยงคงอยู่ ให้สมกับเจตนารมณ์ของพ่อ และให้สมกับที่เกิดเป็นลูกของแผ่นดินไทย
ไม่เพียงเท่านั้น หากยังนำมาปรับใช้กับทุกเรื่องในชีวิต กระตุกชีวิตที่เร็วให้คืนสู่ความช้าและความสมดุล ชีวิตมีและเป็นไปด้วยความพอดี ไม่คิดแต่จะรวยหรือโลภอย่างมาก หากประกอบกิจการใด ก็โดยสุขุมคัมภีรภาพ ถือว่าได้ฝึกตนในฐานะที่เราเป็นลูกของพ่อ
“สำหรับผมแล้ว นี่คือการเติมเต็มความหมายของชีวิต พ่อและพ่อหลวงของปวงชน แม้ได้จากไป แต่เราต้องทำสิ่งที่พ่อทิ้งไว้ให้ ให้งอกงาม งอกเงย โดยเฉพาะเรื่องศิลปะการแสดงพื้นบ้าน เราในฐานะของศิลปินลิเกคนหนึ่ง จะขอทำประโยชน์ในจุดที่เรายืนอยู่” กุ้ง เล่า
ทุกวันนี้ กุ้งทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ เป็นหลัก ประกอบด้วย กิจกรรมเรื่องเพลงลูกทุ่งและงานอีเวนต์ ต้นสังกัดคืออาร์สยามกรุ๊ป ช่วงเย็นถ้าว่างจะนัดเตะบอลกับกลุ่มเพื่อน วันว่างเสาร์-อาทิตย์กลับบ้านไปหาแม่ที่ชัยนาท ใช้ชีวิตเรียบง่าย แม่คุยอะไรให้ฟังก็ฟัง นั่งคุยเรื่องการเรื่องงานก็ตอนนี้ หรือถ้าแม่นั่งดูละครก็นั่งดูไปพร้อมกับแม่ (และน้องหมาๆ) ถือว่าชีวิตจากนี้ขอดูแลแม่ ดูแลวงลิเกของพ่อ ดูแลศิลปะการแสดงพื้นบ้านของไทย
“เราเป็นลูกของพ่อ เราเป็นประชาชนของท่าน เราโชคดีมาก ชีวิตได้นำหลักความพอเพียงมาใช้ คือยึดเป็นหลักของชีวิตว่า พอนั้นแค่ไหน ณ จุดที่พอ คือใจสบายแล้ว เมื่อใจสบายก็ไม่รู้สึกว่าต้องแบกอะไร วงลิเกของพ่อ ผมเดินหน้าได้เพราะผมเดินนำลูกวงไปอย่างพอดีๆ ทุกคนมีความสุข ถ้าพ่อล่วงรู้ด้วยญาณวิเศษใดๆ ก็คิดว่าผมคงภูมิใจและพอใจ”
มองไปข้างหน้า ลิเกไทยไปได้และจะไปต่อ แต่ต้องปรับตัว ต้องพลิกบทบาท ต้องประยุกต์ให้เข้ากับยุคสมัย และสอดผสานให้เข้ากับสถานการณ์บ้านเมือง สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนในสังคม ลิเกยุคนี้ต้องจับกระแสเป็น ต้องมีความรู้และให้ความรู้นั้นคืนกลับแก่ประชาชนแฟนลิเกผู้มีพระคุณ เรื่องลิเกแล้วกุ้งไม่ขอทิ้ง คิดตั้งแต่พ่อเสียว่า เรานี่แหละที่จะทำหน้าที่นี้ต่อไป ชั่วชีวิตของเรานี่แหละ
ปัจจุบันกุ้งและคุณแม่-ทวีป รวมทั้งครอบครัววงศ์เทวัญ ยังได้สร้างแพริมน้ำขึ้นหลังหนึ่ง โดยปลูกแพกึ่งถาวรไว้ที่หน้าวัดวิหารทอง อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท วัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นสาธารณประโยชน์ และเป็นสถานพักผ่อนหย่อนใจสำหรับชาวชุมชนในพื้นที่ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 หลังจากที่พระองค์ท่านได้เสด็จสวรรคตไม่นาน ใช้ชื่อว่า “แพของพ่อ”
ทุกวันนี้แค่ฝันถึงก็มีความสุขมากล้น ไม่ว่าจะฝันถึง “พ่อ” คนไหน ตื่นขึ้นมาด้วยความปลาบปลื้ม มีแรงลุกขึ้นทำงาน มีแรงบุกลุยต่อไปข้างหน้า ทำประโยชน์ให้แก่ชาติบ้านเมือง ภายใต้หลักการของความพอเพียงนี้ กุ้งคิดว่า ไม่ว่าเขาจะอยู่ตรงจุดไหน หรือตกอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบากใดๆ เขาจะรอด เขาจะเห็นหนทาง เพราะ “พ่อ” ที่ทำไว้ให้ และเพราะคำสอนของพ่อที่ได้ก้าวตาม &O5532;