รหัสนัยหนังสือวันเด็กแห่งชาติ

13 มกราคม 2561

หนังสือวันเด็กแห่งชาติปี 2561 ของกระทรวงศึกษาธิการ ใช้ชื่อเล่มบนปกว่า "ฮีโร่ตัวจิ๋ว" เน้นให้เด็กทุกคนเป็นฮีโร่ได้ด้วยการทำความดี

โดย พริบพันดาว

 หนังสือวันเด็กแห่งชาติปี 2561 ของกระทรวงศึกษาธิการ ใช้ชื่อเล่มบนปกว่า "ฮีโร่ตัวจิ๋ว" เน้นให้เด็กทุกคนเป็นฮีโร่ได้ด้วยการทำความดี

 “วันเด็กแห่งชาติ" เป็นวันสำคัญในประเทศไทย ตรงกับวันเสาร์ที่สองของเดือน ม.ค.ของทุกปี งานวันเด็กแห่งชาติจัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันจันทร์แรกของเดือน ต.ค. 2498 ตามคำเชิญชวนของ วี.เอ็ม. กุลกานี ผู้แทนองค์การสหพันธ์เพื่อสวัสดิภาพเด็กระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ

รหัสนัยหนังสือวันเด็กแห่งชาติ

 เพื่อให้ประชาชนเห็นความสำคัญและความต้องการของเด็กและเพื่อกระตุ้นให้เด็กตระหนักถึงบทบาทอันสำคัญของตนในประเทศ โดยปลูกฝังให้เด็กมีส่วนร่วมในสังคม เตรียมพร้อมให้ตนเองเป็นกำลังของชาติ

 รัฐบาลจัดให้มีคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติขึ้นมาคณะหนึ่ง ทำหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และเอกชน กำหนดให้มีการฉลองวันเด็กแห่งชาติทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้เด็กทั่วประเทศทั้งในระบบโรงเรียนและนอกระบบโรงเรียน ได้รู้ถึงความสำคัญของตน เกี่ยวกับสิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบ ระเบียบวินัย ที่มีต่อตนเองและสังคม มีความยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

 งานวันเด็กแห่งชาติจัดขึ้นทุกปีในวันจันทร์แรกของเดือน ต.ค. ถึงปี 2506 และในปี 2507 ไม่สามารถจัดงานวันเด็กได้ทัน จึงได้เริ่มจัดอีกครั้งในปี 2508 โดยเปลี่ยนเป็นวันเสาร์ที่สอง ของเดือน ม.ค. เนื่องจากเห็นว่าเป็นช่วงหมดฤดูฝนและเป็นวันหยุดราชการ จนถึงทุกวันนี้

หนังสือวันเด็กปี 2561

 หนังสือ "ฮีโร่ตัวจิ๋ว" จัดทำเป็นที่ระลึกวันเด็กแห่งชาติปีนี้ องค์การค้าของ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา หรือ สกสค. ได้อัญเชิญพระบรมราโชวาทของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่เด็กไทย ความว่า

 "บ้านเมืองเรามีสิ่งดีงามมากมาย ที่บรรพบุรุษได้สร้างสมไว้ให้เรา เด็กทุกคนผู้เป็นอนาคตของชาติ จึงมีหน้าที่สืบสานและรักษาสิ่งดีงามเหล่านั้นไว้ พร้อมทั้งสร้างเสริมพัฒนาให้เจริญงอกงามยิ่งๆ ขึ้นไป"

 หน้าปกหนังสือวันเด็ก มีสีสันสวยงาม เน้นให้เด็กไทยทุกคนเป็นฮีโร่ได้ด้วยการทำความดี ปันน้ำใจให้กับสังคม มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเป็นพลเมืองดี รู้จักทำคุณประโยชน์เพื่อสังคม อาทิ การช่วยชีวิตคนป่วยในกรณีฉุกเฉินหรือการทำ CPR (Cardiopulmonary Resuscitation - ปฏิบัติการช่วยฟื้นคืนชีพ) / ผลงานนักประดิษฐ์รุ่นจิ๋ว รวมถึงเรื่องเล่าของพระราชา ที่นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เขียนเป็นนิทาน

 การุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวด้วยว่า หนังสือวันเด็กในปีนี้ ใช้ชื่อว่า “ฮีโร่ตัวจิ๋ว” จัดทำขึ้นเพื่อเป็นหนังสือที่ระลึกในวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2561 โดยเนื้อหาประกอบด้วยประเด็นหลักๆ ได้แก่ ความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ความผูกพัน การเล่าประสบการณ์ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สำนึกรักบ้านเกิด ผู้สูงอายุ การประหยัด การมีคุณธรรม ครอบครัว ความเป็นไทย ความซื่อสัตย์ การทำตัวให้มีคุณค่า ความกตัญญู และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

 สำหรับรายละเอียดหนังสือวันเด็กแห่งชาติ ปี 2561 "ฮีโร่ตัวจิ๋ว" ประกอบด้วย

รหัสนัยหนังสือวันเด็กแห่งชาติ

 + พระบรมราโชวาทของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10

 + คติธรรมจากเจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

 + คำขวัญ สารนายกรัฐมนตรี และสารรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2561

 + ผลงานเขียนของเพื่อนๆ ฮีโร่ตัวจิ๋วทั่วประเทศ

 + ทำไมต้อง "ฮีโร่ตัวจิ๋ว" บทสัมภาษณ์ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดโลโก้วันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2561

 + พบกับบทสัมภาษณ์ ความรู้สึกของเหล่าฮีโร่จิตอาสา / นักธุรกิจรุ่นเยาว์เจ้าของแบรนด์ "คริสปี้ คริสปี้" / เตาย่างไร้ควัน นวัตกรรมเพื่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

 + "เด็กเด็กของพ่อ" บทกลอนสอนใจจาก พี่กุดจี่

 นักเขียนชื่อดัง “กุดจี่” พรชัย แสนยะมูล ซึ่งเขียนบทกลอนสอนใจ "เด็กเด็กของพ่อ" ในหนังสือวันเด็กแห่งชาติปี 2561 ว่าแรงบันดาลใจและการติดต่อให้เขียนมีที่มาที่ไปคือเขาไปเดินสายพูดในรายการเสวนา "พรวนฝัน ปันยิ้ม” ที่ จ.สงขลา

 “เป็นการไปให้แรงบันดาลใจในการเดินตามฝัน แรงบันดาลใจในการอ่านการเขียน สลับกับร้องเพลงยิ้มๆ ให้คณะตัวแทนคุณครูและนักเรียนจากโรงเรียนหลายๆ โรงเรียนฟัง บังเอิญว่ามีผู้หลักผู้ใหญ่ไปนั่งฟัง แล้วก็ชื่นชมว่า ชอบ กลับมาจากสงขลา ได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ที่กระทรวงศึกษาธิการว่า อยากเชิญมาเป็นคณะกรรมการคัดเลือกผลงานการเขียนของเด็กๆ เพื่อตีพิมพ์ในหนังสือวันเด็กแห่งชาติ

 ได้ทำงานร่วมกับอาจารย์นักวิชาการทางการศึกษาก็ดีนะครับ ได้ความรู้และมุมมองเพิ่ม ถกเถียงกันว่าผลงานชิ้นไหนผ่าน ผลงานชิ้นไหนไม่ผ่าน จากนั้นที่ประชุมก็สรุปร่วมกันว่าให้กุดจี่ช่วยเขียนบทกวีเกี่ยวกับวันเด็กให้น่าจะดี คงเห็นว่ากุดจี่ใช้ภาษาง่ายๆ แต่ลึกซึ้ง”

 บทหนึ่งของบทกวีของเขา เขียนว่า "...คือเด็กเด็กของพ่อ บ้างมอซอ บ้างหยาบกร้าน บ้างซุกซนเหลือประมาณ

รหัสนัยหนังสือวันเด็กแห่งชาติ

พ่อรักเด็กทุกทุกคน..."

 “แรงบันดาลใจ ก็มาจากการที่ได้อ่านงานของเด็กๆ ที่ส่งมาร่วมเพื่อตีพิมพ์ในหนังสือเล่มนี้แหละครับ เด็กๆ ต่างที่มา ต่างเรื่องเล่า เด็กๆ ก็เหมือนดั่งขนมชั้น มาจากต่างชนชั้น  แต่ไม่ว่าจะอย่างไร พ่อก็รักเด็กทุกคน"

 มุมมองของ กุดจี่-พรชัย ที่มองภาพรวมหนังสือวันเด็กแห่งชาติตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันในฐานะคนทำหนังสือที่เกี่ยวกับเด็กว่ามีจุดเด่นข้อดีและสิ่งที่ควรพัฒนา

 “เด็กยังคงเป็นเด็ก แม้สื่อจะเปลี่ยนรูปแบบไป เรื่องเล่าจากเด็กๆ ยังคงต้องได้รับการขัดเกลา ชี้แนะจากผู้ใหญ่ หนังสือวันเด็กแห่งชาติก็คงต้องปรับปรุงต่อไป เพื่อก้าวให้ทันเด็กในแต่ละยุคสมัย อาจจะต้องมีเด็กมาร่วมเป็นคณะทำงานด้วยครับ

 และอยากจะได้อ่านเรื่องเล่าจากเด็กๆ ให้ทั่วถึงทั่วประเทศมากกว่านี้ จะได้เห็นความแตกต่างของขนมชั้นมากขึ้น เพื่อผู้ใหญ่จะได้แก้ปัญหาให้ถูกจุดมากขึ้น ว่าเด็กแต่ละที่มีปัญหาอะไร ผมว่างานเขียนของเด็กๆ มันสะท้อนปัญหาได้ระดับหนึ่งครับเห็นปัญหาเพื่อสร้างปัญหาเพื่อเกิดปัญญาต่อ”

 หนังสือวันเด็กแห่งชาติปี 2561 นี้ เขามองว่ามีทั้งบทกวี ความเรียง เรื่องสั้น การ์ตูนช่อง และภาพวาด ซึ่งถึงที่สุดแล้ว มันคงทำหน้าที่เป็นได้เพียงหนังสือเล่มหนึ่ง ที่สะท้อนชีวิต ความคิด มุมมอง ของเด็กๆ กลุ่มหนึ่ง จากหลายๆ ภูมิภาค

 “มันจะไปสนองตอบความสนใจของใครได้มากน้อยแค่ไหนนั้น ผมได้แต่ภาวนาครับได้แค่ไหนก็แค่นั้น แต่ท่าทางจะสนองตอบได้เยอะ ถ้าโรงเรียนมีนโยบายให้เด็กๆ ต้องอ่านหนังสือเล่มนี้นะ หนังสือวันเด็กแห่งชาติในฝันของกุดจี่ ไม่ยึดติด หลากหลาย ง่ายงาม กว้างไกล ลึกซึ้ง และอ่านสนุก เข้าถึงเด็กได้จริงๆ”

สร้าง ‘เด็กดี’ และ ‘พลเมืองดี’

 หนังสือวันเด็กแห่งชาติเล่มแรกของไทย ได้ริเริ่มจัดพิมพ์หนังสือวันเด็กแห่งชาติ ฉบับแรก เมื่อปี 2502 (ตามที่ปรากฏในคำนำของหนังสือวันเด็กแห่งชาติ ปี 2508) คณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ปี 2502  ซึ่งมี นาค เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ปี 2502 ได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดพิมพ์หนังสือวันเด็กแห่งชาติ ไว้ในคำนำ ว่า  

 คณะกรรมการจัดงานฯ เห็นสมควรให้จัดพิมพ์เอกสารขึ้นเพื่อให้ผู้ใหญ่ได้รู้แนวทางในการอบรมเด็ก โดยได้รับความร่วมมือจากผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่าน ส่วนใหญ่คือคณะเจ้าหน้าที่แผนกสุขวิทยาจิต โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา ซึ่งมีเจตนาจะให้ผู้ใหญ่เข้าใจถึงธรรมชาติของเด็ก แล้วส่งเสริมให้เจริญเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในวันข้างหน้า

หากเด็กมีความบกพร่องก็ควรจะได้รับการแก้ไขเสียแต่เยาว์วัย ดีกว่าจะปล่อยไว้ให้เป็นจุดอ่อนในบุคลิก ลักษณะ จนเป็นผู้ใหญ่แก้ไขไม่ได้ และเป็นเหตุให้เกิดโรคจิต โรคประสาทต่อไป พฤติกรรม ของเด็กเป็นผลต่อเนื่องมาแต่การอบรมเลี้ยงดูของผู้ใหญ่ทั้งสิ้น ฉะนั้น การป้องกัน แก้ไขปัญหาในเด็ก จึงขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่โดยสิ้นเชิง

 คณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ปี 2502 มีความเชื่อมั่นว่า เอกสารนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ใหญ่ในการดูแลอบรมเด็ก รวมทั้งผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์โดยทั่วๆ ไป ด้วยเป็นอันมาก โดยมีเรื่องที่น่าสนใจ รวม 10 เรื่อง ดังนี้ 1.คำแนะนำเกี่ยวกับการระวังอนามัยของเด็ก 2.บริการแก้ไขปัญหาจิตใจเด็ก 3.พ่อแม่กับการพาเด็กมาสถานแนะนำปัญหาเด็ก 4.เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการทดสอบปัญญา 5.ธรรมชาติของเด็กกับการเลี้ยงดู 6.สิ่งแวดล้อมในครอบครัวกับการอบรมเด็ก 7.บทสนทนาระหว่างมารดากับแพทย์ในสถานแนะนำปัญหาเด็ก 8.เด็กเรียนไม่ดี 9.การศึกษาและสุขภาพจิต และ 10.ของฝากท่านผู้ปกครองในยามโรงเรียนปิดเทอม จัดพิมพ์เผยแพร่เป็นหนังสือปกอ่อน หนา 95 หน้า พิมพ์ที่ โรงพิมพ์คุรุสภา 1 ก.ย. 2502 ราคาเล่มละ 1 บาท

 นับแต่นั้นมา คณะกรรมการจัดงานวันเด็ก ในปีต่อๆ มา ก็ได้จัดพิมพ์หนังสือวันเด็กเป็นประจำทุกปีจนถึงปัจจุบันนี้

 ในปี 2504 ได้มีการเพิ่มเรื่องสั้นแสดงภาพชีวิตระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่และวิธีแก้ปัญหายุ่งยากเกี่ยวกับเด็กเข้าไว้ด้วย ต่อมาเนื้อหาขยายเป็นบทความธรรมะ เรื่องสั้น นิทาน บทเพลง ความรู้รอบตัว และบทประพันธ์ต่างๆ ปลูกฝังให้เด็กรักการอ่าน ปี 2537 มีการเปลี่ยนแปลงรูปโฉมเป็นขนาด 150×210 มม. เพิ่มเนื้อหาในส่วนของงานเขียน ภาพวาด และกิจกรรมของเด็กๆ มาลงตีพิมพ์เป็นสัดส่วนที่เพิ่มมากขึ้นและดำรงรูปแบบนี้มาจนกระทั่งปัจจุบัน

 งานวิจัย “คุณลักษณะของเด็กไทยที่พึงประสงค์ : วิเคราะห์จากหนังสือวันเด็กแห่งชาติ ตั้งแต่ปี 2502-2548” โดย ผศ.วัลลภา วิทยารักษ์ ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปี 2548 มีผลสรุปถึงคุณลักษณะของเด็กไทยที่พึงประสงค์ที่วิเคราะห์จากหนังสือวันเด็กแห่งชาติ ทุกช่วงกลุ่ม คุณลักษณะที่ปรากฏมากที่สุดในแต่ละด้าน คือ

 1.ด้านสุขภาพ มีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ มีความรักความเชื่อมั่นในตนเอง มีความร่าเริงยิ้มแย้มแจ่มใส

 2.ด้านนิสัย มีความซื่อสัตย์สุจริต มีความขยันขันแข็ง มีความสนใจใฝ่หาความรู้อยู่เสมอ

 3.ด้านความรู้ความสามารถ มีความรู้ความสามารถทางวิชาการโดยทั่วไป มีความสามารถในการคิดและรู้จักคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีความสามารถในการประกอบอาชีพและหารายได้พิเศษ

 4.ด้านจริยธรรม มีศรัทธาเชื่อมั่นในการทำความดี มีมานะพยายามและอดทนต่อความยากลำบาก มีความเมตตากรุณาต่อผู้อื่น

 5.ด้านความสัมพันธ์กับบุคคล มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น มีความรักความผูกพันกับบุคคลในครอบครัว มีความรักความเป็นมิตรกับผู้อื่น

 6.ด้านวัฒนธรรมและประเพณี มีกิริยามารยาทสุภาพเรียบร้อยงดงามตามแบบไทย มีความภาคภูมิใจในความเป็นไทยและนิยมไทย มีการอนุรักษ์วัฒนธรรมและประเพณีไทย

 7.ด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม มีความรับผิดชอบและปฏิบัติตามหน้าที่ มีความรักชาติและท้องถิ่นของตน มีความเลื่อมใสในศาสนาและจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

รหัสนัยหนังสือวันเด็กแห่งชาติ

 ส่วนคุณลักษณะของเด็กไทยที่พึงประสงค์ที่วิเคราะห์จากหนังสือวันเด็กแห่งชาติ ทุกช่วงทุกกลุ่ม คุณลักษณะที่ปรากฏมากที่สุด 3 ลำดับจากคุณลักษณะทั้งหมด 70 คุณลักษณะ คือ 1.มีความรับผิดชอบและปฏิบัติหน้าที่ 2.มีความศรัทธาเชื่อมั่นในการทำความดี และ 3.มีความรู้ความสามารถทางวิชาการโดยทั่วไป

 ในวิทยานิพนธ์อักษรศาสตรมหาบัณฑิต ปี 2555 ของ อุมาวัลย์ ชีช้าง ภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่มีชื่อว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับอุดมการณ์ในเรื่องเล่าสำหรับเด็กในหนังสือวันเด็กแห่งชาติ พ.ศ. 2523-2553” ที่ศึกษาว่ามีการประกอบสร้างความคิดเกี่ยวกับ “เด็กดี” และ “เยาวชนที่พึงประสงค์ของชาติ” อย่างไรบ้าง    

 ผู้วิจัยเก็บข้อมูลเรื่องเล่าสำหรับเด็ก ได้แก่ นิทานและเรื่องสั้นสำหรับเด็กที่ตีพิมพ์ในหนังสือวันเด็กแห่งชาติจำนวน 94 เรื่อง และศึกษาโดยใช้กรอบแนวคิดวาทกรรมวิเคราะห์เชิงวิพากษ์ของ แฟร์คลัฟ

 ผลการวิจัยพบว่า แม้เรื่องเล่าเหล่านี้จะมีลักษณะเป็นเรื่องที่เน้นความบันเทิงและเพลิดเพลินในการอ่านแต่แท้จริงแล้วกลับมีบทบาทในการถ่ายทอดอุดมการณ์บางประการไปสู่เด็ก กลวิธีการสื่ออุดมการณ์ที่ปรากฏในเรื่องเล่าสำหรับเด็กนั้น แบ่งออกเป็น 3 กลวิธีหลัก ได้แก่ 1) กลวิธีทางภาษาในตัวบท พบทั้งสิ้น 6 กลวิธี ได้แก่ การใช้คำศัพท์ การใช้โครงสร้างประโยคแบบต่างๆ การกล่าวอ้าง การใช้คำถามวาทศิลป์ การใช้อุปลักษณ์ และการแนะความ 

 2) กลวิธีระดับตัวบท พบว่าการใช้องค์ประกอบของเรื่องเล่าในการนำเสนออุดมการณ์ ซึ่งมีผลทำให้การสื่ออุดมการณ์มีความแนบเนียนมากยิ่งขึ้น กล่าวคือผู้แต่งนำเสนออุดมการณ์และความคิดของตนในรูป “เสียง” และ “ความคิด” ของตัวละครในเรื่องเล่า    

 3) กลวิธีระดับสหบท พบว่ามีการแทรกตัวบทอื่นหรือกล่าวอ้างถึงตัวบทอื่นเกี่ยวกับความคิด ความเชื่อต่างๆ เพื่อสื่อความคิดเกี่ยวกับความเชื่อทางศาสนาพุทธและอิสลาม ความเชื่อในเรื่องเหนือธรรมชาติรวมถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์และความเป็นไทย    

 กลวิธีดังกล่าวสื่ออุดมการณ์ที่ปรากฏอย่างสม่ำเสมอและอุดมการณ์ที่ปรากฏบางช่วงเวลา อุดมการณ์ที่ปรากฏอย่างสม่ำเสมอ ได้แก่ อุดมการณ์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเด็ก-ผู้ใหญ่ อุดมการณ์เกี่ยวกับความเป็นเด็กดีและคนดี อุดมการณ์เกี่ยวกับบทบาทชาย-หญิงในสังคมไทย อุดมการณ์เกี่ยวกับความยึดมั่นในสถาบันหลักของชาติ อุดมการณ์ที่ปรากฏบางช่วงเวลา ได้แก่ อุดมการณ์เกี่ยวกับความยากจน อุดมการณ์เกี่ยวกับการอนุรักษ์ธรรมชาติ รวมถึงชุดความคิดย่อยเรื่องสังคมเมืองกับชนบท  

 ผลการวิจัยที่พบทำให้เห็นว่าเรื่องเล่าสำหรับเด็กในหนังสือวันเด็กแห่งชาติ มีบทบาทเป็นสารทางอุดมการณ์ซึ่งรัฐอาจใช้ในการถ่ายทอดและปลูกฝังความคิดเชิงอุดมการณ์บางประการแก่เด็กในสังคมไทย เพื่อสร้าง “เด็กดี”  และ “พลเมืองดี” ซึ่งจะเอื้อต่อการกำกับดูแลและควบคุมสมาชิกในสังคมต่อไป

Thailand Web Stat