มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าฯ ซื้อแพง-ขายถูก
วันที่ 15 ก.ค. 2554 เมื่อเวลา 10.00 น. พลันที่ประตูอาคารในสวนอัมพร ที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ
วันที่ 15 ก.ค. 2554 เมื่อเวลา 10.00 น. พลันที่ประตูอาคารในสวนอัมพร ที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ
โดย..สมาน สุคโต
จากโครงการศูนย์ศิลปาชีพเปิด ประชาชนส่วนมากเป็นสตรีทั้งในเมืองหลวงและต่างจังหวัด ต่างก็กรูกันยังเป้าหมาย คือร้านขายผ้าไหมไทย ผ้าฝ้าย เพื่อเลือกซื้อและจับจองของถูกใจ บางส่วนก็แยกไปสั่งซื้อสินค้าอีกหลากหลายที่ตั้งในอาคารกว้างใหญ่ไพศาล ที่มีหลายชนิด เช่น ผลิตภัณฑ์จากกระจูด และงานฝีมือ เช่น ไม้แกะสลักอย่างประณีต โดยมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก เช่น คอยถือตะกร้าให้
นอกจากผลิตภัณฑ์ผ้าที่มีชื่อเสียงมานานแล้ว ปีนี้ทางมูลนิธิยังนำผลผลิตทางการเกษตรจากฟาร์มตัวอย่างมาจำหน่าย พร้อมทั้งอาหารที่ใช้ผลผลิตจากฟาร์มตัวอย่างนั้นๆ มาเป็นวัตถุดิบอีกด้วย
ท่านผู้หญิงอรนุช อิศรางกูร ณ อยุธยา กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ที่นำมาจำหน่ายมาจากทุกภาค จากภาคเหนือก็มีผ้าชาวเขาเผ่าต่างๆ ภาคอีสานก็มีผ้าไหมมัดหมี่ ผ้าฝ้าย ผ้าทอ ผ้าพิมพ์ลาย นอกจากนี้ก็มีเซรามิก งานกระเป๋าที่ทำจากกระจูด ย่านลิเภา ของทุกอย่างจัดจำหน่ายในราคาที่จับต้องได้ ส่วนเงินที่ได้จากการจำหน่ายจะย้อนกลับไปสู่พี่น้องชาวไร่ ชาวนา
ท่านผู้หญิงอรนุชย้ำว่าปีนี้ถือว่าเป็นกรณีพิเศษที่นำผลผลิตทางการเกษตรจากฟาร์มตัวอย่างที่มีกว่า 90 แห่งทั่วประเทศมาจำหน่าย ผลิตภัณฑ์นั้นรวมถึงเป็ดอี้เหลียง และหมูจินหัว ที่ประธานาธิบดีจีนน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวาย เมื่อครั้งสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นผู้แทนพระองค์เสด็จฯ เยือนจีนปี 2543 ด้วย
นอกจากนั้นก็มีพืชผัก ผลไม้ และผลิตผลการเกษตร จากฟาร์มตัวอย่างทั่วประเทศ ล้วนแต่เป็นของสด ปลอดสารพิษอีกต่างหาก เหนืออื่นใดราคาย่อมเยา
ส่วนความเป็นมาของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถนั้น ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ กล่าวว่า เมื่อ 60 กว่าปีมาแล้ว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปทรงเยี่ยมพสกนิกรทั่วทุกภาคของประเทศ จึงได้ทอดพระเนตรเห็นทุกข์สุขทั้งสิ้นในการครองชีพของราษฎร แม้ว่าสมัยนั้นหนทางไม่ดี ความเป็นอยู่ของประชาชนในชนบทเดือดร้อน การประกอบอาชีพก็ขึ้นอยู่กับดินฟ้าอากาศอย่างเดียว การเสด็จฯ ไปในแต่ละที่ในต่างจังหวัดห่างไกลจึงลำบากมาก แต่ไม่ทรงท้อ นอกจากทรงช่วยเหลือเฉพาะหน้าแล้ว พระองค์ท่านได้พระราชทานโครงการพระราชดำริ หนึ่งในโครงการนั้นคืองานส่งเสริมศิลปาชีพ เมื่อแรกตั้งและทรงช่วยเหลือราษฎรนั้น ทรงใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ และจากทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
ผลที่ได้และนำมาจัดจำหน่ายที่สวนอัมพรขณะนี้ มาจากโครงการที่เกิดจากพระราชกรณียกิจที่ทรงทำมาตั้งแต่ พ.ศ. 2513 เรื่อยมาถึงปัจจุบัน
โครงการที่ทรงส่งเสริมนั้น ทางภาคอีสานเน้นไปที่ผ้าทอมือ ผ้าไหม ผ้าไหมมัดหมี่ เป็นต้น ทางภาคเหนือ เน้นที่ผ้าชาวเขาเผ่าต่างๆ ภาคกลาง ทรงดำริให้ทำฟาร์มตัวอย่าง เพราะมีปัญหาจากอุทกภัยบ่อยๆ
ฟาร์มตัวอย่างนี้ยังกระจายไปยังภาคต่างๆ ทั้งภาคใต้ ภาคอีสาน และภาคเหนือ แต่ทางภาคเหนือเรียกว่าสถานีเกษตรที่สูง ผู้คนที่มาทำงานในฟาร์มตัวอย่าง นำประสบการณ์และความรู้ที่ได้ไปขยายทำให้มีรายได้เพิ่ม และไม่ต้องออกจากบ้านไปไกล เช่น ประชาชนภาคใต้สามารถทำฟาร์มในบ้านโดยไม่ต้องออกไปเสี่ยงอันตรายจากภัยก่อการร้ายข้างนอก
ท่านผู้หญิงว่านอกจากผลิตภัณฑ์ต่างๆ เหล่านี้แล้ว ยังส่งเสริมงานฝีมือ เช่น ปักผ้า ทอผ้า สานเสื่อกระจูด เป็นต้น
งานที่ได้ทรงส่งเสริมถูกพัฒนาขึ้นตามลำดับ จากที่ทำกันในบ้านก๊อกๆ แก๊กๆ ก็ทำเป็นระบบ และพระองค์ท่านก็ทรงรับซื้องานจากผู้เป็นสมาชิกที่ร่วมโครงการ ซึ่งมีกว่า 2 แสนราย แล้วเอามาจำหน่ายเพื่อเขาจะได้มีรายได้เพิ่ม เพราะงานที่ประชาชนทำนั้นเป็นงานฝีมือ คนในเมืองจะได้ช่วยกันสนับสนุน เป็นการช่วยผู้มีรายได้น้อยไปในตัวด้วย
การจำหน่ายนั้นทรงกำชับว่าอย่าจำหน่ายในราคาแพง
ท่านผู้หญิงยืนยันว่าของในโครงการที่จำหน่ายราคาไม่แพง แต่เมื่อจ่ายให้ชาวบ้านจะสูงกว่าราคาที่จำหน่าย
เรื่องนี้เมื่อผมถามผู้ที่มาซื้อของครอบครัวหนึ่งที่เดินทางมาจาก จ.มหาสารคาม และซื้อผ้าไหมไปประมาณ 6,200 บาท ได้คำตอบว่าของในโครงการถูกมาก เมื่อเทียบกับที่จำหน่ายในต่างจังหวัด จึงซื้อไปใช้บ้าง แจกเพื่อนบ้านบ้าง
เอกสารของมูลนิธิศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพฯ ว่า งานของศิลปาชีพเจริญเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว มีสมาชิกศิลปาชีพกระจายอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศ และผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพได้แพร่หลายกว้างขวางเป็นที่นิยมให้หมู่ราษฎรไทยและชาวต่างประเทศ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ต้องทรงใช้จ่ายพระราชทรัพย์เพื่อโครงการศิลปาชีพเป็นจำนวนมาก จึงมีผู้กราบบังคมทูลขอให้ทรงจัดตั้งขึ้นเป็นมูลนิธิ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2519 โดยพระองค์ทรงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหารของมูลนิธิด้วย ต่อมารัฐบาลได้ประจักษ์ถึงผลงานและคุณประโยชน์ของมูลนิธิ จึงได้รับเป็นหน่วยงานหนึ่งของรัฐ โดยจัดตั้งเป็นกองศิลปาชีพขึ้นในสำนักราชเลขาธิการ เมื่อ พ.ศ. 2528 เพื่อสนับสนุนงานของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ มูลนิธิมีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า “The Foundation for the Promotion of Supplementary Occupations and Related Techniques of Her Majesty Queen Sirikit of Thailand” หรือเรียกย่อๆ ว่า “The Support Foundation”
การจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากโครงการศิลปาชีพ ณ สวนอัมพร จะมีตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ก.ค. 2554 ระหว่างเวลา 10.00-18.00 น. หากพลาดโอกาส ต้องคอยอีกครั้งในเดือน ธ.ค. ปลายปีนี้
จึงคาดว่าผู้อ่านคงไม่ปล่อยโอกาสงามเช่นนี้ให้หลุดลอยไปในยามบ้านเมืองสงบ จิตใจผ่องใส ควรไปหาซื้อของดี แต่ราคาย่อมเยาใช้ดีกว่า พร้อมกับให้รำลึกในพระมหากรุณาธิคุณในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ด้วยว่า หากมิใช่โครงการที่ทรงมีพระราชดำริขึ้นมา พวกเราคงไม่ได้ซื้อของดีราคาถูกเป็นแน่ ดีไม่ดีอาจไม่มีจำหน่ายด้วยซ้ำ