‘ลุงคิง’ จอมเที่ยว 500
ปัญหาแรกเมื่อมีความคิดอยากไปเที่ยว คงเป็นคำถาม “ไปไหนดี” คำถามต่อมาน่าจะเป็นคำถาม “ต้องใช้เงินเท่าไหร่”
ปัญหาแรกเมื่อมีความคิดอยากไปเที่ยว คงเป็นคำถาม “ไปไหนดี” คำถามต่อมาน่าจะเป็นคำถาม “ต้องใช้เงินเท่าไหร่”
โดย...กาญจน์ อายุ
ปัญหาแรกเมื่อมีความคิดอยากไปเที่ยว คงเป็นคำถาม “ไปไหนดี” คำถามต่อมาน่าจะเป็นคำถาม “ต้องใช้เงินเท่าไหร่” ซึ่งเจ้าคำถามหลังนี่แหละที่เป็นปัญหา เพราะถ้ามีเงินไม่พอ ก็ไปในที่ที่อยากไปไม่ได้อยู่ดี แต่สำหรับ “ลุง 500” นามสมมติที่เป็นที่รู้จักกันดีในโลกไซเบอร์ ที่เรื่องเงินไม่ใช่อุปสรรคในการท่องเที่ยว เพราะเงินเพียง 500 บาท ก็สามารถทำให้ 1 วันของเขาท่องเที่ยวได้อย่างไม่รู้จบ
ลุง 500 คือนามสมมติของลุงธรรมดาคนหนึ่งที่ท่องเที่ยว 1 วัน ด้วยเงิน 500 บาท เป็นลุงที่โด่งดังในเว็บไซต์พันทิป ห้องบลูแพลนเน็ต ห้องที่รวบรวมกระทู้ท่องเที่ยวหลายรูปแบบ ทั้งเที่ยวหรู เที่ยวชิล ชิล เที่ยวบ้านๆ รวมไปถึงเที่ยววันละ 500 บาทของลุง 500 คนนี้ด้วย
ลุง 500 ได้ออกสื่อครั้งแรกทางทีวีในรายการ คนค้นฅน ถือว่าเป็นการเปิดตัวลุง 500 ต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกเช่นกัน แต่ใครจะคาดคิดว่าการออกรายการครั้งนั้นทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล
เพราะเขาไม่ใช่เป็นแค่ลุง 500 แต่เป็น “ลุง 500 กับป้าสก๊อย” ที่ไม่ว่าจะไปไหน พวกเขาจะไปเป็นคู่ ถูกต้อง! ลุง 500 พบเพื่อนเดินทางที่จะไปด้วยกันกับเขาตลอดชีวิต เขาพบความรักที่จะไปด้วยกันทุกที่
คิง แซ่จู และประภานิช หมื่นไชยศรี คือคู่รักนักเดินทางที่จะซิ่งไปทุกที่ที่มีอุทยานฯ
ทำไมเลือกซิ่งมอเตอร์ไซค์
มอเตอร์ไซค์ที่ลุงคิงขี่และป้าอ้อมซ้อนท้ายเป็นรถมอเตอร์ไซค์แบบครอบครัว คือมีตะกร้าข้างหน้าเหมือนรถแม่บ้านจ่ายตลาดเพื่อให้กลมกลืนกับชาวบ้าน อีกทั้งยังประหยัดน้ำมัน ลุงคิงบอกว่า “ถ้าเราใช้มอเตอร์ไซค์คันใหญ่ ชาวบ้านจะมองว่าเราเป็นนักท่องเที่ยว ลุงเลยตัดสินใจซื้อมอเตอร์ไซค์แม่บ้านมือสองมาใช้ ชาวบ้านจึงไม่แตกตื่น เราก็จะได้เข้ากับชาวบ้านได้ง่ายขึ้น”
ลุงคิงชอบที่จะตีสนิทกับชาวบ้านเพื่อเข้าใจวิถีชีวิตและจิตใจของชาวบ้าน และชาวบ้านเองก็จะต้อนรับเราอย่างที่พวกเขาเป็นจริงๆ ไม่ใช่เพราะเงินของเรา “ลุงคิดว่าการเที่ยวแบบนี้มันเป็นกำไรชีวิต เพราะเราจะเข้าใจ ได้รับรู้ในสิ่งที่คนอื่นเขาไม่รู้กัน และลุงอยากให้ทุกคนเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เที่ยวในแนวนี้ดูบ้าง เพราะมันไม่ใช่แค่ได้เที่ยว แต่มันได้เรียนรู้ไปด้วย”
ทำไมเลือกแค่ 500
ใช้เงินวันหนึ่ง 500 บาท เป็นเรื่องยากมากสำหรับบางคน แต่สำหรับอีกหลายๆ คน เงิน 500 บาทมันมากเกินพอ เพราะมันขึ้นอยู่ว่าเราจัดสรรเงินจำนวนนี้เพื่ออะไรที่มีค่าต่อชีวิตบ้าง ลุงคิงเลือกที่จะจำกัดเงินเที่ยวใน 1 วันเพื่อที่จะจัดการตัวเองให้กินและอยู่อย่างประหยัดพอเพียง และเมื่อทำได้แล้วมันทำให้ทราบว่า เงิน 500 บาทก็สามารถเที่ยวได้ไม่จำเป็นต้องใช้เงินฟุ่มเฟือย
“ลุงไม่ได้ต่อต้านคนที่ชอบเที่ยวแบบหรูๆ แพงๆ ทุกคนไม่จำเป็นต้องมาทำตามลุง แต่ลุงอยากให้ทุกคนได้เห็นการเที่ยวทางเลือกสำหรับคนที่มีงบจำกัด คนที่อยากเปลี่ยนแปลง หรือคนที่อยากลองอะไรใหม่ๆ ได้เห็นประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ทำได้จริงจากลุงเป็นตัวอย่าง”
แต่ก่อนที่ลุงคิงจะหันมาจับแฮนด์มอเตอร์ไซค์ ลุงคิงเคยจับตะหลิวทำงานเป็นพ่อครัวที่บอสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ถึง 14 ปี ในตอนนั้นเขามีเงินมาก แต่เขาก็ตระหนักได้ว่า “ไม่ว่าลุงจะมีงานมีเงินเยอะขนาดไหน เงินก็ไม่สามารถทดแทนลูกสาวของลุงได้ ลุงทิ้งลูกสาวมานานเกินไปแล้ว ลุงเลยทิ้งเงินตรงนั้นแทน แล้วกลับมาหาลูกสาวที่เมืองไทย” และเมื่อกลับมาประเทศไทยแล้ว ลุงคิงก็เริ่มท่องเที่ยวแบบประหยัด เมื่อก่อนที่ลุงยังไม่มีป้าอ้อมก็เที่ยวคนเดียวมาตลอด มีความสุขกับธรรมชาติ ความปลอดโปร่ง และความสบาย เมื่อเที่ยวไปเรื่อยๆ ก็พบว่าบ้านเรามีอุทยานแห่งชาติหลายแห่งทั่วประเทศไทย อีกทั้งที่พักยังราคาถูก ลุงคิงจึงตัดสินใจที่จะเที่ยวไปตามอุทยานแห่งชาติทั่วไทยไปกับภรรยา
ทำไมเลือกอุทยานแห่งชาติ
ลุงคิงและภรรยาเลือกที่จะเที่ยวตามอุทยานฯ เพราะค่าที่พักถูก และเข้าถึงธรรมชาติจริงๆ แต่อุทยานฯ ที่ทั้งสองเลือกจะเป็นอุทยานแห่งชาติบนบก เพราะอุทยานแห่งชาติทางทะเลต้องใช้ค่าใช้จ่ายมากทั้งค่ารถ ค่าเรือ ที่แน่นอนว่าขี่มอเตอร์ไซค์ไปคงไม่ถึง ค่าใช้จ่ายในการเที่ยวอุทยานฯ แต่ละครั้งไม่เกิน 100 บาท และบางครั้งก็ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ เพราะลุงคิงและภรรยานำเต็นท์ไปกางอยู่กันเอง
“เมื่อไปเที่ยวในอุทยานฯ ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ อย่างลุงจะเก็บของทุกชิ้นทุกครั้ง ทั้งหนังยาง พลาสติกบนฝาขวดน้ำดื่ม และจะไม่ดื่ม ไม่สูบ ไม่นำสัตว์เลี้ยงเข้ามาในอุทยานฯ เด็ดขาด”
ลุง 500 ป้าสก๊อย
ตามที่ได้เกริ่นไปว่าลุงคิงและภรรยาเจอกันได้เพราะรายการ คนค้นฅน ลุงคิงเล่าให้ฟังว่า เมื่อรายการออกอากาศ ป้าอ้อมก็ติดต่อมายังลุงคิงเพื่อให้ไปเป็นวิทยากรสร้างแรงบันดาลผู้สูงอายุให้มีกำลังใจอยากออกไปท่องเที่ยวเหมือนลุงคิง และเมื่อทั้งสองได้พบกัน ความรักครั้งใหม่ของสองม่ายก็ปะทุขึ้น จนถึงวันนี้เป็นเวลา 2 ปีแล้วที่ทั้งสองใช้ชีวิตร่วมกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุข และเดินทางหาความสุขร่วมกัน
ถามลุงคิงว่า “เมื่อไหร่จะหยุดเดินทาง” ลุงคิงตอบ “ลุงจะเดินทางจนกว่าจะไม่ไหว เราจะชิงไปที่ชอบที่ชอบกันก่อนที่คนอื่นเขาจะเชิญไป และจะไปหาของกินกันก่อนที่คนอื่นเขาจะเอาถาดมาวางถวาย”