posttoday

พวงหรีด

31 มกราคม 2555

ปูเพิ่งจะเสียคุณย่าไปเมื่อเดือน ส.ค. ปี 2554 นี้เอง

โดย...ปู โลกเบี้ยว

ปูเพิ่งจะเสียคุณย่าไปเมื่อเดือน ส.ค. ปี 2554 นี้เอง

ภาพทรงจำในเรื่องของคุณย่าอาจจะไม่ค่อยมีมากนัก เพราะปูเองก็ไม่ค่อยได้สนิทกับท่านสักไหร่นัก นานๆ แม่จะพาขึ้นรถไฟไปเยี่ยมคุณย่าที่ จ.พระนครศรีอยุธยา สักที บ้านคุณย่าอยู่หัวรอใกล้ตลาดและบ้านอยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา ร่มรื่นมาก ถ้าไปทันตอนกลางวันก็จะได้กินก๋วยเตี๋ยวเรือที่แม่ค้าพายเรือมาขาย อร่อยมากกกก หลังกินข้าวกลางวันเสร็จก็จะนอนใต้ถุนบ้าน ลมเย็นๆ แล้วอาบน้ำโอ่งจากนั้นก็กลับบ้าน

พอโตมาหน่อยคุณย่าก็เริ่มเข้ามาอยู่ในกรุงเทพมหานคร (กทม.) เพราะคุณปู่เสียชีวิต ลูกๆ ก็วนกันให้คุณย่าไปอยู่ที่บ้าน ปูเลยไม่ต้องไปเยี่ยมคุณย่าไกล อยู่ใน กทม.ใกล้ก็จริงแต่ไม่มีก๋วยเตี๋ยวเรืออร่อยๆ ให้กินอ่ะดิ ตอนเด็กคุณย่าให้สตางค์กินขนมบ่อยๆ พอโตมาปูเลยให้คุณย่ากลับบ้าง แต่ในกระเป๋าสตางค์คุณย่าไม่เคยเห็นเงินเลย เวลาที่ปูกลับไปเยี่ยม พอถามก็หัวเราะบอกพ่อเราเขามาหยิบๆ อยู่อย่างงี้ทุกทีซิน่า สงสัยที่บ้านโน้นเขาไม่ค่อยให้เงินใช้มั้ง? อิอิ (คุณพ่อปูเขามีสองบ้านหลายเมียอ่ะ)

พวงหรีด

 

คุณย่าเวียนไปอยู่ตามบ้านลูกๆ แต่ละบ้านก็นานอยู่ยกเว้นบ้านคุณพ่อปู ไม่รู้ทำไมนะ (ไม่อยากปรักปรำใครน่ะ) สุดท้ายคุณย่าไปล้มที่ไหนไม่รู้ คราวนี้นอนยาวเลย นอนมาจนอายุ 95 ปีนี่แหละ แกคงไม่ไหวแล้วเลยรีบตีจากพวกเราไปสวรรค์ซะก่อน จริงๆ แกจะไปหลายครั้งแล้วล่ะ แต่อาปานทำใจไม่ได้ปั๊มคุณย่าขึ้นมาใหม่ตลอด นอนอยู่เป็นสิบปีเลย พอส่งโรงพยาบาลติดเชื้อเลยได้ลาจากโลกนี้ไปจริงๆ

งานศพจัดขึ้นแบบเรียบง่ายที่วัดชลประทานรังสฤษฏ์ ปากเกร็ด พออาปานบอกว่าจะเอาศพคุณย่ามาไว้ที่วัดนี้ปูน่ะดีใจมาก เพราะใกล้บ้านด้วยแล้วเป็นวัดที่ไม่เรื่องเยอะ ใช้หลักธรรมะในการสอนมากกว่าการสวดภาษาบาลี ที่ไม่ค่อยเข้าใจนัก จะมีการเทศน์ทุกวันก่อนสวดเพียงหนึ่งจบ ถวายเครื่องไทยทาน กรวดน้ำ เป็นอันเสร็จพิธีกลับบ้านได้ ศาลาทุกศาลาต้องปิดไฟ 2 ทุ่มเป๊ะ ท่านหลวงพ่อปัญญาเคยบอกว่า เห็นใจคนเดินทางยิ่งมาไกลๆ ยิ่งน่าเป็นห่วง การนำศพมาไว้วัดก็มีสวดกันแค่ 1 วัน 3 วัน และ 5 วันเท่านั้น มากสุดแล้ว ไม่มีมากไปกว่านี้ เพราะท่านหลวงพ่อสั่งไว้ว่าควรให้โอกาสคนอื่นๆ บ้าง คนตายไปแล้วก็ต้องยอมรับอย่าไปยึดติดนัก เราทำดีที่สุดแล้ว ไม่ให้มีอาหารมาเลี้ยงแขกคั่นระหว่างเทศน์หรือสวดเด็ดขาด ให้เลี้ยงได้แต่น้ำเท่านั้น โอ๊ย!อย่างงี้ซิดี ประหยัดเจ้าภาพด้วย

ความจริงพวกพวงหรีดท่านก็ไม่ปลื้มสักเท่าไร ทำให้ปูและอาปานมีไอเดียพุ่งกระฉูดขึ้นมาทันทีว่า เราควรจะจัดสรรสิ่งที่มีประโยชน์ให้มากกว่าพวงหรีดดอกไม้ที่สมัยนี้ค่อนข้างแพง และเมื่อมันเหี่ยวแห้งเน่าก็ต้องทิ้ง ในราคา 1,000 บาท ใครอยากจะซื้อพวงหรีดบอกมา เดี๋ยวปูจัดให้ เอาสตางค์นั้นไปซื้อพวกเครื่องใช้ไฟฟ้ามาให้ จ้างเขาทำป้ายบอกชื่อคนจ่ายสตางค์ติดซะหน่อยหนึ่ง จัดให้เป็นสวนสวยงามให้ดูกลมกลืนไปกับพุ่มดอกไม้หน้าศพ ก็สวยไปอีกแบบ ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ เมื่อเสร็จงานศพก็บริจาคให้คนที่เขาต้องการไป ได้บุญเพราะได้ใช้จริง

พระท่านเทศน์ชมปูด้วยละว่า ศาลานี้ดีนะ คิดนอกกรอบบ้างก็ดีดีกว่าเป็นพวงหรีดที่เมื่อเสร็จงานแล้วก็ต้องเอาไปทิ้งเป็นภาระกับทางวัดอีก นอกจากพวกพัดลม ตู้เย็นแล้ว ปูกะอาปานก็ถามความประสงค์ของผู้ดูแลศาลาว่าต้องการอะไรอีกไหม พอเขาแจ้งมาเราก็จัดให้เท่าที่เราจะทำให้ได้ เช่น โซฟาเราก็หามาเพิ่ม แอมป์ขยายเสียง ขาไมค์ที่เก่าเน่าแล้ว ก็ไปสรรหามา กระติกน้ำที่ต้องใช้เป็นประจำไว้ใส่น้ำแข็งให้แขกในงานมันแตกทุเรศแล้ว เราก็จัดการเปลี่ยนให้เขา พอใครไปใครมาก็ชื่นชมในไอเดีย มันทำให้ปูและอาปานปลื้มปิติจนตัวแทบจะลอยเลยล่ะ

งานนี้อาจจะโดนเขม่นจากร้านขายพวงหรีดก็ได้นะ แต่ชอบอ่ะ ตามคำเทศน์ของคุณพระคุณเจ้าทั้งหลาย ที่ว่าการทำบุญถ้าได้ประโยชน์นั้นแหละบุญนักแล แต่ถ้าทำแล้วเขาไม่ได้เอาไปใช้ วางทิ้งไว้เฉยๆ มันก็ไม่เกิดประโยชน์ อย่างสังฆทานเนี้ยไม่ได้อยู่ที่ถังสีเหลือง แต่หมายถึงวัตถุใดก็ได้ที่เป็นประโยชน์ต่อบุคคลนั้นๆ อย่างแท้จริง อย่างพระสงฆ์ก็ต้องการปัจจัยสี่เหมือนคนทั่วๆ ไป ได้แก่ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค และที่อยู่อาศัย อย่างเช่นเราซื้อแค่ไม้กวาดเนี่ยมันไม่ได้อยู่ในถังสังฆทานสีเหลือง แต่มันกลับใช้ประโยชน์ได้มากมายนักอย่างนี้เป็นต้น