BLUE VS RED WAR

โดย...ตา.ต้า

คู่เอกของอาทิตย์นี้ บิ๊กแมตช์ เชลซี เปิดบ้านพบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลูกทีมของ อังเดร วิลลาส โบอาส ยังคงเกาะกลุ่มหัวตารางต่อไป แม้ว่าเกมกลางสัปดาห์จะทำได้เพียงไล่เจ๊าสวอนซี แต่หากนัดนี้เกิดไม่ชนะขึ้นมา น่าจะปิดประตูแชมป์ได้เลย ส่วนเด็กๆ ของป๋า อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แม้เพิ่งช็อกกับถ้วยเอฟเอ คัพ แต่ในเกมกลางสัปดาห์ก็เอาชนะ สโตก ซิตี มาได้ จาก 2 จุด

โทษ หากดูจากภาพช้าก็น่าจะได้อีกซักลูกในหลายๆ จังหวะ เกมนี้เจ้าบ้านจะไม่มี ดิดิเยร์ ดร็อกบา และ ซาโลมง กาลู ที่ยังติดภารกิจช่วยชาติ ส่วนทีมเยือนต้องเช็กฟิต เวย์น รูนีย์, แอชลีย์ ยัง, และ ทอม คลีฟเวอร์ลีย์ คู่นี้เจอกันเมื่อไหร่ ไม่ว่าสนามไหน ผลมีโอกาสออก 3 หน้าเสมอ แต่ระยะหลังวัดจากสถิติมักเป็นเด็กผีที่ได้เฮมากกว่า และดูจากตัวเลือกที่มีแล้วเชื่อว่า ผีจะมีอย่างน้อย 1 แต้มจากเกมนี้แน่นอน

ต่อกันที่เซนต์เจมส์ปาร์ก นิวคาสเซิล พบ แอสตัน วิลลา ทั้ง 2 ทีมไม่มีเกมกลางสัปดาห์ และตกรอบเอฟเอ คัพด้วยกันทั้งคู่ เจ้าบ้านล่าสุดในลีกแพ้มายับเยิน ส่วนทีมเยือนหลังได้ ร็อบบี คีน มาเสริมก็ดูดีขึ้น ทั้งคู่ต่างก็ต้องการแต้ม และชื่อชั้นก็อยู่ในระดับเดียวกัน เกมมีสิทธิออกได้ทั้ง 3 หน้า แต่ความเป็นเจ้าบ้านจะทำให้สาลิกาดงมีอย่างน้อย 1 แต้ม

ปิดท้ายที่ เอติฮัด สเตเดียม แมนเชสเตอร์ ซิตี เปิดศึกกับ ฟูแลม เจ้าบ้านล่าสุดบุกไปโดนเอฟเวอร์ตันซัดจมมา ทำให้ตำแหน่งจ่าฝูงสั่นคลอนอีกแล้ว ช่วงเปิดตลาดได้ ดาวิด ปิซาโร มาเสริม แต่ดูแล้วคงไม่ใช่ตัวหลัก นัดนี้ยังมีผู้เล่นพร้อมลงมากมาย แม้ยังขาดพี่น้องตูเรที่กำลังทำศึกแอฟริกัน เนชัน คัพ แต่คงไม่ใช่ปัญหา ด้านเจ้าสัวของ มาร์ติน โยล เพิ่งปล่อย บ็อบบี ซาโมรา หัวหอกตัวเก่งไป และได้ พาเวล โปเกรบเนียก เข้ามาเพิ่ม แต่งานนี้คงต้องตกไปที่ คลินส์ เดมพ์ซีย์ และ แอนดี จอห์นสัน ไปก่อน หากไม่มีรายการพลิกล็อกโลกแตก คงเป็นเจ้าบ้านที่ดาหน้าบุกแหลกและเก็บชัยไปตามระเบียบ