โลกซวยด้วยมือเรา
หลุมดำขนาดใหญ่เป็นโพรงลึกลงไปใต้ดิน ดึงดูดใจให้สามเด็กหนุ่มไฮสกูล สตีฟ แม็ต และแอนดรูว์
โดย...อินทรชัย พาณิชกุล
หลุมดำขนาดใหญ่เป็นโพรงลึกลงไปใต้ดิน ดึงดูดใจให้สามเด็กหนุ่มไฮสกูล สตีฟ แม็ต และแอนดรูว์ ตัดสินใจมุดลงไปสำรวจด้วยความคึกคะนอง ในความมืดมิดนั้น พวกเขาค้นพบแท่งคริสตัลลึกลับที่ส่องแสงเปล่งประกาย ทันทีที่สัมผัส พลังเร้นลับก็พลันระเบิดจ้า ส่งผลให้สามหนุ่มหมดสติสลบไสล แล้วตื่นขึ้นมาพบว่าโลกที่เขาอาศัยอยู่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
พวกเขาได้รับพลังลึกลับ สามารถใช้พลังจิตควบคุมบังคับ เคลื่อนที่ ย้าย ยก หมุนสิ่งของต่างๆ ให้ลอยเคว้งคว้างในอากาศได้
ความสนุกเพลิดเพลินในการใช้อำนาจเหนือธรรมชาติในมือก็เริ่มต้นขึ้น
ทุกๆ วันทั้งสามคนหมกมุ่นอยู่กับการฝึกฝน ทดลองใช้พลังจิต ตั้งแต่ย้ายสิ่งของให้ลอยในอากาศจากจุดหนึ่งไปสู่จุดหนึ่ง ต่อมาความคิดแผลงๆ อุตริมาเป็นแกล้งคน เปิดกระโปรงผู้หญิง หลอกผีเด็ก เล่นมายากลโชว์เพื่อน ไปจนถึงบินเหาะเหินไปบนท้องฟ้า
เด็กมัธยมธรรมดาๆ กลายเป็นผู้วิเศษเพียงชั่วข้ามคืน
ท่ามกลางความหลงระเริงในพลังอำนาจเหนือมนุษย์ที่ตัวเองมี ชีวิตจริงยังคงโหดร้ายทารุณ สำหรับแอนดรูว์ เด็กเนิร์ดที่ประสบปัญหาครอบครัว โดนพ่อขี้เมาทุบตีเป็นประจำ แถมยังมีแม่ที่ป่วยนอนรอความตายอยู่บนเตียง การอยู่ในโลกส่วนตัวที่เขาและเพื่อนทั้งสองสร้างขึ้น เหมือนได้หนีความจริงอันแสนเจ็บปวดไปหาความสุขในโลกที่พวกเขาคือพระเจ้า
ขณะเดียวกัน สตีฟและแม็ตเริ่มตระหนักถึงสัญญาณอันตรายบางอย่าง หลังจากเห็นเพื่อนซี้แอนดรูว์ใช้พลังผลักรถยนต์ที่บีบแตรไล่หลังมาพลิกคว่ำลงน้ำเกือบตายด้วยความโมโห พวกเขาจึงตั้งกฎง่ายๆ กันเองว่า ห้ามใช้กับสิ่งมีชีวิต ห้ามใช้เมื่อยามมีอารมณ์โกรธควบคุมสติไม่ได้ และห้ามแพร่งพรายให้ใครรู้
แต่พวกเขาหลงลืมไปว่า ทุกสิ่งทุกอย่างถูกบันทึกภาพไว้ทั้งหมดลงในกล้องวิดีโอ ลืมไปว่าพวกเขาเป็นเพียงเด็กมัธยมปลายที่เต็มไปด้วยความซ่า คึกคะนอง รักสนุก เต็มไปด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน ลืมไปว่าพลังพิเศษเหนือธรรมชาติที่พวกเขาได้รับมา มันยิ่งใหญ่และอันตรายเกินว่ามนุษย์ตัวกระจิริดจะควบคุมได้
ในที่สุด เมื่อพลังอำนาจในมือมีมากเกิน แอนดรูว์ผู้หน้ามืดตามัว ก็ทำในสิ่งที่พรรคพวกหวาดกลัวที่สุด นั่นก็คือ การแหกกฎทุกข้อ ด้วยคิดฝังหัวที่ว่าตัวเองคือผู้ล่าขั้นสูงสุด เขาลงมือทำลายล้างทุกอย่างที่ขวางหน้า ความโกลาหลจึงตามมา เมืองทั้งเมืองลุกเป็นไฟ ผู้คนที่เข้ามาขวางทางล้วนบาดเจ็บ ล้มตาย สูญเสียไม่มีอะไรเหลือแม้แต่คนที่เขารักที่สุด
ใครที่ยังไม่ได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้ อาจคิดว่าเป็นแค่เรื่องของสามเด็กหนุ่มจอมซุกซนที่ได้รับพลังลึกลับ แล้วออกไปทำเรื่องสนุกๆ พิเรนทร์ๆ จนเกิดหายนะตามมา สุดท้ายได้รับบทเรียนล้ำค่าสอนใจตัวเอง ซึ่งถูกต้องเพียงครึ่งเดียว
หากแต่อีกครึ่งหนึ่งที่หลายคนคาดไม่ถึงคือ หนังเรื่องนี้มีความเป็นดรามายิ่งกว่า เศร้ายิ่งกว่า และโหดร้ายทารุณยิ่งกว่าหนังไซไฟระทึกขวัญทั่วไป เรียกว่าดูจบ ทุกคนคงมีคำตอบในใจแล้วว่า หากเป็นเรา เราจะใช้พลังอำนาจเหนือธรรมชาติที่ได้มาอย่างสร้างสรรค์หรือทำลาย
เพราะท้ายที่สุด เมื่อรู้สึกตัวอีกที ทุกอย่างก็สายเกินกว่าที่จะกลับไปแก้ไขอะไรได้แล้ว