ไอแพด
เพื่อนปูตัดสินใจขาย ไอแพด ไปอย่างไม่ลังเลเลย
โดย...ปู โลกเบี้ยว
เราคงไม่ปฏิเสธนะว่าเทคโนโลยีทันสมัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนโลกนี้มันสามารถอำนวยความสะดวกให้กับพวกเราอย่างใหญ่หลวง พวกโทรศัพท์มือถือสมาร์ตโพนทั้งหลาย ไอแพด ไอพอด ไอโฟน เดินไปไหนก็เห็นคนถือกันจนเกลื่อน ตั้งแต่คนมีรายได้น้อยยันไปถึงคนรวยล้นฟ้าก็ต้องมี ถึงแม้จะเป็นไอฟ้งไอเป็ด ก็ถือว่าเข้าพวกแล้วล่ะ
เพื่อนบอกไปนวดแผนไทย เห็นคุณป้ามือนวดใช้โทรศัพท์ไอโฟนนึกในใจ “โห...นวดแผนโบราณมีไอโฟนใช้ด้วยโว้ย” สักพักพอเสียงโทรศัพท์เข้าถึงอ๋อ! ..ของจริงเสิ่นเจิ้นนั่นเอง มันช่างเหมือนมากจนมองไม่ออกเลยถ้าไม่ได้ใช้งานอ่ะ คุณป้าคงรู้ว่าเพื่อนปูคิดอะไรอยู่เลยพูดว่า “ป้าอ่ะไม่มีปัญญาซื้อไอโฟนของจริงหรอกคู้ณณ อันนี้ราคามันถูกแล้วก็ใช้ได้เหมือนกัน”
เราคงติดเจ้าสมาร์ตโฟนเหล่านี้แล้วล่ะ อย่างที่บ้านปูนะไม่เคยแตะโทรศัพท์บ้านเลยอ่ะ เบอร์โทรศัพท์นั้นก็กลายเป็นเอาไว้ใช้เล่นอินเทอร์เน็ตเพียงอย่างเดียว เพราะทุกคนในบ้านมีโทรศัพท์มือถือกันหมด แล้วแต่ล่ะเครื่องก็มีโปรโมชันดีๆ ทั้งนั้น ไม่โทรคุยก็ส่งเอสเอ็มเอส วอตแอพ ไลน์ กันเข้าไป ยังพกไว้ติดกับตัวสะดวกสบาย เลยไม่มีใครอาศัยโทรศัพท์บ้านกันเลยน่ะซิ ตอนนี้ก็เลยกองเจ้าโทรศัพท์บ้านเป็นของเก่าโบราณไปเสียแล้ว
เมื่อผู้ใหญ่ใช้เด็กๆ เห็นก็อยากใช้ด้วย ทำไมพ่อแม่ใช้ เพื่อนก็มี ฉันก็ต้องมีด้วยนั้นแหละ เด็กน้อยที่พ่อแม่มีเงินเขาก็มีโทรศัพท์มือถือกันทั้งนั้นแหละ บางคนก็พกไอแพดไปโรงเรียนด้วยอ่ะ แต่อีกหน่อยรัฐบาลเขาแจกแท็บเล็ตแล้วนี่คงได้มีกันทั่วถึงแน่ แต่ไม่ใช่เพื่อนปูคนนี้ที่ยอมขายไอแพด เหตุเพราะอันเนื่องมาจากลูกสาวคนสวยของเพื่อนซึ่งอายุเพียงสี่ขวบน่ะ ชอบที่จะเล่นเกมและดูภาพสารพัดที่เปิดได้ในไอแพดซึ่งคุณพ่อก็กะว่าจะสามารถควบคุมโปรแกรมและสามารถที่จะเลือกสิ่งดีๆ ให้ลูกสาวดูเล่นศึกษาได้ แต่...แล้ววันหนึ่งคุณครูก็มาบอกว่า “น้องการเรียนแย่มากไม่มีสมาธิฟังครูเลย”
เพื่อนปูคนเนี้ยด้วยความที่ตัวเองต้องทำงาน จึงยกให้คุณแม่เป็นคนดูแลลูกสาว แต่คุณแม่ก็ดันชอบเล่นพวกเทคโนโลยีตามกระแสซะด้วยสิ ตั้งแต่คุณครูทักเลยไปสังเกต ลูกสาวจากเคยเป็นเด็กเรียนเก่งเต็ม 10 จะได้ 9 ได้ 10 แต่เดี๋ยวนี้ 10 ได้ 4 งี้ จึงเข้าไปพบคุณครูและปรึกษา คุณครูจึงบอกว่าน้องอ่ะสมาธิสั้น อย่างคุณครูเล่านิทานยังไม่ทันจบเลย น้องก็เริ่มหงุดหงิดลุกขึ้นเล่น หรือคุณครูกำลังพูดเรื่องหนึ่งอยู่ แต่น้องกลับพูดแทรกอีกเรื่องขึ้นมาทันที จึงรู้ว่าน้องไม่ได้ฟังครูเลยสมองไปคิดเรื่องอะไรอยู่ไม่รู้ นี่เด็กสี่ขวบนะ การเล่านิทานเนี้ยจะทำให้เด็กมีสมาธิ เนื่องจากกว่าจะเล่าถึงตอนที่เจ้าหญิงเจ้าชายมาเจอกันรักกันอ่ะก็เกือบจะจบเรื่องแล้วยังไงล่ะ ถ้าเด็กคนไหนไม่ฟังจนจบนั้นแปลว่าเริ่มไม่สนใจมีสมาธิสั้นคือ ไม่อยากรู้แล้วอยากเปลี่ยนเรื่องใหม่ คุณครูเลยถามเรื่องให้ลูกเล่นไอแพดหรือเปล่า เพราะมีเด็กหลายคนที่เล่นพวกเทคโนโลยีเหล่านี้แล้วสมาธิสั้น เพราะเล่นหรือดูอะไรเบื่อก็เปลี่ยน เด็กสมองเขาไม่ได้กรองว่าอะไรถูกอะไรผิดเหมือนเราคนโตๆ อ่ะ! อย่างเราเปิดกูเกิลหรือแอพต่างๆ บางทีเราไม่เจออะไรที่น่าสนใจหรืออ่านแล้วเบื่อเรายังเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเลยอ่ะ
ถ้าเด็กเล่นพวกนี้ก็จะกลายเป็นสะสมความเบื่อ อยากรู้อยากเห็นอะไรที่หลากหลายใหม่ๆ ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่ยังไม่สมควรกับวัยนั้นๆ ก็ได้ ยังไงก็ขอให้คุณพ่อคุณแม่ช่วยดูแลควบคุมน้องหน่อยก็แล้วกัน โห...คุณครูพูดมางี้ งานก็ต้องทำจะเอาเวลาที่ไหนไปคอยดูแลควบคุมอย่างใกล้ชิดล่ะ เด็กก็คือเด็กไม่รู้หรอกว่าอะไรควรไม่ควร ยิ่งเป็นไอแพดของเราด้วย ไอ้เราก็ดาวน์โหลด แอพพลิเคชันต่างๆ ซึ่งมันก็คืองาน แต่มันอาจจะไม่เหมาะสมกับวัยของเด็ก ทำให้ยากต่อการควบคุม
สำหรับเพื่อนปูคนนี้กลุ้มใจอยู่หลายวัน เพื่อนเลยตัดสินใจขายไอแพดทิ้งมันซะเลย ลูกสาวเขาก็เศร้าซึมเงียบงอนเลยล่ะ เพื่อนเลยต้องใช้วิธีล่อด้วยการ ถ้าการเรียนดีสอบได้ที่หนึ่ง จะซื้อไอแพดให้ใหม่ ตัวเองก็ยอมที่จะลำบากนิดหนึ่งหันไปทำงานกับคอมพิวเตอร์แทน สิ่งที่ได้คือ เมื่อไม่มีเจ้าไอแพด เวลาที่อยู่ในรถทุกคนพ่อแม่ลูกก็ได้คุยกันหยอกล้อกันมากขึ้นได้สอนกันตามธรรมชาติ ก็ทำให้มีความสุขไปอีกแบบหนึ่งในโลกสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ (ในรถ) อ่ะ เพราะเพื่อนต้องทำงานก็มีเวลาตอนที่อยู่ในรถนั้นแหละ
ปูว่าอย่าไปกดดันอย่าพยายามยัดเยียดอะไรให้เด็กเพื่อแข่งขันกันเลยสงสารสมองเด็กน้อยอ่ะ แค่ขอให้เค้าเป็นคนดีก็พอแล้วเนอะ