เปิดโมเดล "บ้านเพื่อคนไทย" พร้อม พิกัดนำร่อง 4 จุด
เปิดโมเดลบ้าน โครงการ "บ้านเพื่อคนไทย" พร้อม พิกัดนำร่อง 4 จุด ผ่อนเดือนละ 4,000 บาท จ่ายครบอยู่ได้นาน 99 ปี พร้อม พิกัดนำร่องทำเลทอง 4 จุด
โครงการบ้านเพื่อคนไทยถูกนำกลับมาพูดถึงอีกครั้ง หลัง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาล
รอบ 3 เดือน (90 วัน) และมอบนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรีให้แก่ข้าราชการระดับสูง ได้แก่ หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง กรม และผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ภายใต้แคมเปญ “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง 2025 Empowering Thais: A Real Possibility จากผลงานที่เป็นรูปธรรม สู่อนาคตที่ทำได้จริง” และกล่าวถึงนโยบาย “โครงการบ้านเพื่อคนไทย”
นางสาวแพทองธาร เปิดเผยว่า มีการดำเนินการบนที่ดินของรัฐ โดยมุ่งเน้นการใช้ที่ดินของรัฐให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งจะนำร่องในพื้นที่ ที่มีทำเลดี เดินทางสะดวก ใกล้เมือง บนพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)โดยมีรูปแบบพัฒนาที่อยู่อาศัยทั้งคอนโดมิเนียม และบ้านเดี่ยว พร้อมเฟอร์นิเจอร์
สำหรับโครงการบ้านเพื่อคนไทย นับเป็นโครงการเร่งด่วนตามนโยบายรัฐบาลเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน และสร้างความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจ และสังคมในมิติของที่อยู่อาศัยให้กับประเทศ โดยได้นำร่องสำรวจที่ดินที่มีศักยภาพของ รฟท.เพื่อพิจารณาดำเนินการพัฒนาที่อยู่อาศัยให้แก่ประชาชน
ที่ดินรอบพื้นที่สถานีรถไฟ หรือมีทำเลที่ตั้งใกล้กับระบบรางที่ไม่ได้ใช้เพื่อการเดินรถมีประมาณ 38,000 ไร่ ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล รวมไปถึงกระจายตัวอยู่ทุกภูมิภาคทั่วทั้งประเทศ
โดยใช้เกณฑ์การพิจารณาในการคัดเลือกพื้นที่ศักยภาพ ประกอบด้วย
1. พื้นที่มีตำแหน่งที่ตั้งใกล้กับสถานีรถไฟของการรถไฟแห่งประเทศไทย
2. พื้นที่อยู่ในจังหวัดหลักที่เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจหรือศูนย์กลางภูมิภาค
3. พื้นที่มีตำแหน่งที่ตั้งอยู่บริเวณศูนย์กลางชุมชน
4. ความพร้อมในการพัฒนาพื้นที่
5. ความพร้อมของระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน
6. ความเป็นไปได้ในการจองสิทธิโครงการ
7. พื้นที่มีตำแหน่งที่ตั้งใกล้กับมหาวิทยาลัยภูมิภาค
8. อัตราความหนาแน่นของประชากรรอบพื้นที่
9. ราคาประเมินที่ดิน
จากเกณฑ์พัฒนาข้างต้นพบว่า มีพื้นที่มีศักยภาพจำนวน 112 พื้นที่ และได้ประเมินเพื่อคัดเลือกพื้นที่ ที่มีศักยภาพสูงจำนวน 25 พื้นที่ รวมพื้นที่ประมาณ 700.14 ไร่ เพื่อศึกษาความเหมาะสมเบื้องต้นในการดำเนินการโครงการ
โดยแบ่งการพัฒนาโครงการบ้านเพื่อคนไทยเป็น 3 ระยะ ประกอบด้วย
ระยะเร่งด่วน (พ.ศ.2567 - 2568) โครงการบ้านเพื่อคนไทยสำหรับโครงการนำร่อง แบ่งออกเป็น 2 ระยะ
-ระยะที่ 1 การดำเนินการโครงการอาคารชุด 3 พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่เชียงใหม่ พื้นที่เชียงราก พื้นที่บางซื่อ กม.11
-ระยะที่ 2 การดำเนินการโครงการบ้านพัก 3 พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่เชียงใหม่ พื้นที่กาญจนบุรี และพื้นที่นครราชสีมา
ระยะสั้น (พ.ศ. 2569 - 2571) โครงการบ้านเพื่อคนไทย สำหรับโครงการตามแผนงานเบื้องต้น จำนวน 22 โครงการ
ระยะกลาง (พ.ศ. 2572 - 2576) โครงการบ้านเพื่อคนไทย สำหรับพื้นที่ที่มีศักยภาพ จำนวน 87 โครงการ
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตนในฐานะกำกับดูแล บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (SRTA) ซึ่งเป็นบริษัทลูกเพื่อบริหารทรัพย์สินของ รฟท. และได้รับมอบหมายในการผลักดันโครงการบ้านเพื่อคนไทย ซึ่งจะมีการนำร่องใช้ที่ดินของ รฟท.ในการพัฒนา โดยเบื้องต้น SRTA ได้เตรียมพื้นที่เพื่อพัฒนาโครงการนี้
กระทรวงคมนาคมได้ศึกษารูปแบบที่พักอาศัยภายใต้โครงการบ้านเพื่อคนไทย ซึ่งจะจัดสรรตามทำเลศักยภาพ อาจพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว หรือคอนโดมิเนียม แล้วแต่ความเหมาะสมของพื้นที่ เช่น คอนโดมิเนียม เหมาะสำหรับชุมชนเมือง เป็นต้น โดยปัจจุบัน SRTA อยู่ระหว่างการดำเนินการ และเตรียมเปิดตัวห้องตัวอย่าง ณ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ 20 ม.ค.68 นี้ เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้เข้าชมโครงการ
สำหรับพื้นที่นำร่องของการพัฒนาบ้านเพื่อคนไทยภายใต้ที่ดินการรถไฟฯ เบื้องต้นมี 4 โครงการ ประกอบด้วย
1. ที่ดินย่าน กม.11
2.ที่ดินบริเวณสถานีเชียงราก
3. ที่ดินบริเวณสถานีธนบุรี
4.ที่ดินในจังหวัดเชียงใหม่
ขณะที่รูปแบบการพัฒนาที่อยู่อาศัยบ้านเพื่อคนไทยนั้น มีการออกแบบไว้เบื้องต้น อาทิ บ้านเดี่ยว 1 ชั้น ขนาดที่ดิน 50 ตารางวา พื้นที่อาคาร 50 ตารางเมตร ซึ่งภายในบ้านจะมีพื้นที่แบ่งเป็นสัดส่วน ประกอบด้วย 2 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำ รวมไปถึงพื้นที่ซักล้าง และลานจอดรถ ส่วนรูปแบบของคอนโดมิเนียม จะออกแบบห้อง อาทิ ห้องขนาด 30 ตารางเมตร และ 45 ตารางเมตร เป็นต้น
ด้านนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่ากระทรวงคมนาคมพร้อมเดินหน้านโยบายตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย โดยกระทรวงคมนาคมได้ให้ รฟท. ดำเนินโครงการบ้านเพื่อคนไทยด้วยการให้พัฒนาที่อยู่อาศัยของที่ดิน รฟท. สามารถผ่อนได้นานถึง 30 ปี อยู่อาศัยได้ 99 ปี ซึ่งจะทำให้คนไทยที่ไม่เคยมีบ้านมาก่อน สามารถมีบ้านที่มีคุณภาพสูงด้วยราคาประหยัด มีสาธารณูปโภคและการรักษาความปลอดภัยที่ครบครัน พร้อมกับสามารถเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะได้อย่างสะดวก สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนและประเทศอย่างยั่งยืน