แว่นดำ สัญลักษณ์ความเท่ หรือปิดบัง อำพราง ซ่อนเร้น!
การสวมแว่นกันแดดในยุคนี้ ซ่อนเร้นและแฝงไปด้วยความหมายอะไรบางอย่าง
โดย...มีนา
การสวมแว่นกันแดดในยุคนี้ ซ่อนเร้นและแฝงไปด้วยความหมายอะไรบางอย่าง แม้แฟชั่นกูรูกล่าวว่า สวมใส่เพื่อความเท่ ซ่อนความเขินอาย และปิดบังสายตาแด่ผู้พบเห็น แต่สำหรับนักพัฒนาบุคลิกภาพบอกไว้ว่า คือ การปกปิด ซ่อนเร้น และอำพรางความรู้สึกอะไรบางอย่างหลังแว่นสีดำ ส่วนนักโหราศาสตร์ที่เชี่ยวชาญด้านโหงวเฮ้งกลับบอกว่า แว่นกันแดดสีดำหากใส่ไปงานศพนั้นถือเป็นสัญลักษณ์แห่งการป้องกันสิ่งชั่วร้ายที่จะเข้ามาสู่ตัว!
แฟชั่นกูรู VS แว่นกันแดด
คนรักแฟชั่นนิยมสวมแว่นกันแดดทุกที่เมื่อเวลาออกสื่อหรือออกงานสังคม เหตุผลหนึ่งก็เพื่อความเก๋และแสดงเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร เช่น คุณหญิงแมงมุม-ม.ร.ว.ศรีคำรุ้ง ยุคล นักออกแบบและเจ้าของแบรนด์ “แมงมุม” ไลน์เครื่องหนังที่เธอออกแบบเอง
คุณหญิงแมงมุมเคยให้สัมภาษณ์โพสต์ทูเดย์ ว่า เธอจัดเป็น “ซันกลาสเซส เลิฟเวอร์” ตัวยง นิยมสวมแว่นกันแดด และเป็นอุปกรณ์แฟชั่นที่ใส่ติดตัวตลอด ทั้งการใช้ชีวิตส่วนตัวและออกงานสังคม เธอให้เหตุผลว่า ไม่ชอบแต่งหน้า แค่ใส่แว่นกันแดดอันเดียวแล้วจบ ไม่ต้องกังวลและไม่เสียเวลาแต่งหน้า เธอชอบสะสมแว่นกันแดดรูปทรงแปลกๆ ส่วนหนึ่งคือ แว่นกันแดดจึงถือเป็นเครื่องประดับชิ้นหนึ่งที่เลือกแต่งให้เข้ากับเสื้อผ้า
ฝั่ง จิตต์สิงห์ สมบุญ แบรนด์ครีเอทีฟ ไดเรกเตอร์ เพลย์ฮาวน์ บาย เกรย์ฮาวน์โปรเจกต์ 1.1 บาย เกรย์ฮาวน์ หนุ่มใหญ่ผู้นำแฟชั่น บอกว่า เขาสวมแว่นกันแดดไปนู่นมานี่ตั้งแต่อายุ 15 ปี เพราะมีคนบอกว่าสวมแล้วดูเท่ จึงสวมเรื่อยมาจนกระทั่งอายุ 52 ปีแล้ว และยืนยันจะใส่ทุกวันตลอดไป
“ตอนเด็กๆ เห็นพ่อใส่ขับมอเตอร์ไซค์แล้วรู้สึกว่าเท่มาก พอตอนโตผมใส่แว่นกันแดดแล้วมีคนทักว่า หล่อ ดูดี ผมจึงจดจำ แล้วใส่มาตลอด เริ่มแรกใส่เพื่อความเท่ ช่วยป้องกันแสงแดด ตอนนี้ผมจึงทำแว่นสายตาที่ฉาบด้วยสี เพื่อช่วยพรางตาไม่ให้ดูเล็กหรือตาใหญ่ผิดรูป
ในมุมความคิดของผม ผมคิดว่าคนที่ชอบสวมแว่นดำในชีวิตประจำวันคือ ผู้ที่อาจไม่มีความมั่นใจในตัวเอง จึงต้องซ่อนแววตาไว้ภายใต้แว่นดำ เพราะคนเราเวลาจ้องตากันจะสะท้อนอะไรบางอย่าง เช่น บางคนเขิน บางคนไม่กล้าแสดงออก สายตาเป็นหน้าต่างของความคิด แต่เวลาประชุมอาจดูไม่สุภาพ ผมก็ถอดบ้าง”
‘แว่นกันแดด’ เปรียบดังหน้ากาก
มุมมองของ ศ.ดร.ศักดา ปั้นเหน่งเพ็ชร์ อาจารย์ประจำภาควิชาการภาพยนตร์และภาพนิ่ง คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้เชี่ยวชาญและผู้บรรยายด้านภาพลักษณ์ การสื่อสาร การพัฒนาบุคลิกภาพ และการประชาสัมพันธ์ บริษัท มาร์เก็ตติ้ง คอมมูนิเคชั่น บอกว่า มารยาทในการสวมแว่นกันแดด มีบ่งชี้ไว้ในตำรามารยาททางสังคมของฝั่งตะวันตก เฉพาะนักการทูตต้องเรียน เรียกว่า Social Etiquette ที่เจอกันแล้ว หากใครสวมแว่นกันแดดต้องถอดออกก่อนกล่าวคำ สวัสดี เป็นมารยาทสังคม เป็นความสุภาพ ถือเป็นการให้เกียรติกัน จะไม่มีการใส่แว่นกันแดดภายในอาคาร เว้นเสียแต่ต้องมีปัญหาด้านสายตาจริงๆ
“นักการทูตต้องระมัดระวังเรื่องนี้ คนส่วนมากจะไปติดภาพเซเลบริตี ดารานักแสดง ที่ต้องการจะหลบผู้สื่อข่าว พวกนี้ไม่ยอมถอดแว่น เพื่ออำพรางตัวเองในที่สาธารณะ เพื่อหลีกเลี่ยงการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ขนาดช่วงกลางคืนเขายังต้องใส่ แสดงว่าต้องการปกปิดอะไรบางอย่าง หรือดูอย่างผู้ต้องหาในคดีขึ้นโรงขึ้นศาล ไม่อยากให้เห็นการแสดงออกทางสายตา หลบหนีอะไรบางอย่าง ก็นิยมใส่แว่นกันแดดเพื่อปกปิด ตีความได้อย่างนั้น...
ในกรณีการสวมแว่นไปงานศพของแจ็กกาลีน เคนเนดี ในพิธีเดินส่งศพของสามี เธอใส่แว่นกันแดดตลอดเวลา เพราะเธอร้องไห้จนตาช้ำ จึงไม่อยากให้คนเห็นดวงตาของเธอ สอง ไม่อยากให้ใครเห็นความอ่อนแอในฐานะสุภาพสตรีหมายเลข 1 ในยุคนั้นสื่อออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงความไม่เหมาะสม จนโฆษกพรรคต้องออกมาบอกว่า เป็นความสูญเสียที่ต้องเข้าใจ
ในกรณีที่ไม่ใช่ญาติสนิท ไม่ได้ร้องไห้จนตาบวม ยิ่งเป็นตอนกลางคืนยิ่งไม่ควรสวมแว่นตาดำ หรืออาจจะเป็นไปได้ที่อยากจะสร้างภาพลักษณ์ว่าเขาเสียอกเสียใจหนักหนา อีกประเด็นคือเวลาพบสื่อมวลชนไม่กล้าสู้หน้า ไม่อยากให้ใครเห็นถึงความรู้สึกที่แท้จริง
การใช้แว่นตาดำปกปิดในการสื่อสารระหว่างบุคคลมีความหมายว่า เป็นการปิดกั้นอวัจนภาษาคือ ต้องการปิดกั้นการสื่อสารทางสายตาและภาษาร่างกาย เพราะเมื่อใดก็ตามที่มีความขัดแย้งระหว่างการสื่อสารวัจนภาษาคือ คำพูดคำจา คนมีแนวโน้มจะเชื่อตามอวัจนภาษาคือ ไม่มีคำพูด แต่เป็นการแสดงออกทางสีหน้า แววตา เช่น บางคนบอกว่าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ตาไม่ได้รู้สึกจริงๆ นักข่าวก็จะรู้ได้ทันที
ในแง่การสื่อสารระหว่างบุคคล การสื่อสารด้วยสีหน้าแววตามีความสำคัญมาก คนบางคนจึงต้องใช้แว่นตาดำอำพรางการสื่อสารทางสายตา เพราะมนุษย์ยังมีสัญชาตญาณการจับผิดในด้านสายตา แว่นดำจึงเปรียบเหมือนหน้ากาก หรือโล่ป้องกันไม่ให้ใครเห็น อีกส่วนหนึ่งเขารู้สึกมั่นใจขึ้น ผู้ต้องหาคดีสำคัญๆ สังเกตเวลาไปศาลก็ใส่แว่นตาดำจะถือเป็นการเสียมารยาท หากใส่แว่นดำไปงานศพถือเป็นการไม่ให้เกียรติ” ศ.ดร.ศักดา ทิ้งท้าย
‘แว่นดำ’ สะท้อนสิ่งชั่วร้ายออกไป
ความเชื่อของซินแสจีน หมอหยอง-สุริยัน สุจริตพลวงศ์ นักโหราศาสตร์และนักดูโหงวเฮ้ง บอกว่า การใส่แว่นกันแดดตลอดเวลาไม่มีผลต่อพลังบนใบหน้า เพราะใส่ๆ ถอดๆ ไม่เหมือนแว่นสายตาที่ต้องใส่ประจำ แต่ซินแสจีนบอกว่า การใส่แว่นดำคือ การป้องกันสะท้อนกลับให้สิ่งชั่วร้ายออกไปจากบุคคลนั้นหรือครอบครัวนั้น ในขณะที่มีเคราะห์
“โหงวเฮ้งที่ใบหน้า เช่น ดวงตา แสดงถึงความมีพลังและอำนาจ จากทัศนคติของผม แว่นกันแดดสีชาหรือสีดำ ช่วยเสริมบุคลิกและกันแดดไม่ได้ไปลดพลังหรือเพิ่มโชคใดๆ แต่อีกสิ่งหนึ่งการสวมแว่นดำซินแสจีนเคยบอกไว้ว่า หากใครอยู่ในคราวเคราะห์ เช่น ขับรถชนคนตายที่มีคดีความปิดเรื่องไม่ได้ง่ายๆ ถือว่ามีเคราะห์หนัก เวลาที่ไปงานศพ ซินแสจีนจะแนะนำคนกลุ่มนี้ให้ใส่แว่นดำไป เพราะสีดำคือ หยิน จะช่วยป้องกันสิ่งชั่วร้ายให้สะท้อนกลับออกไป ไม่ให้เข้ามาในชีวิต เป็นการแก้พลังสิ่งเลวร้ายเข้าสู่ตัวเขา”