posttoday

สืบเนื่องจากงานสวดพระปริตรฯครั้งที่ ๔๒ ชินบัญชรอธิษฐานธรรมณ วัดระฆังฯ (ตอน ๙)

28 มกราคม 2556

ทำให้ได้ผลตามที่กล่าว จะเกิดอำนาจธรรมขึ้นประกอบจิต จนรวมกับสมาธิจิต

โดย...พระอาจารย์อารยะวังโส

ทำให้ได้ผลตามที่กล่าว จะเกิดอำนาจธรรมขึ้นประกอบจิต จนรวมกับสมาธิจิต ให้นำไปสู่พลังธรรมที่ให้ความสำเร็จตามเจตนาธรรมที่ดำริตามบทธรรมให้ดำริสืบเนื่องในกลางจิตว่า “พระพุทธเจ้าทั้งหลายเหล่านั้น ๒๘ พระองค์ มีพระตัณหังกร เป็นต้น เป็นพระมุนีเจ้าผู้นำโลกทุกพระองค์ ทรงประดิษฐานอยู่บนกระหม่อมของข้าพเจ้าเถิด” รวม “พุทโธ” ไว้บนกระหม่อมศีรษะ สูดลมหายใจเข้า เหยียดกายขึ้น และตั้ง “พุทโธ” คือ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ทั้ง ๒๘ พระองค์ พระตัณหังกร เป็นต้น รวมบนศีรษะของเรา ดังพระคาถาที่ว่า “ตัณหังกะราทะโย พุทโธ อัฏฐะวีสะติ นายะกา, สัพเพ ปะติฏฐิตา มัยหัง มัตถะเกเต มุนิสสะรา, สีเสปะติฏฐิโต มัยหัง พุทโธ ธัมโม ทะวิโลจะเน... แปลว่า ขอพระพุทธเจ้าทรงประดิษฐานอยู่บนศีรษะของข้าพเจ้า ขอพระธรรมเจ้าประดิษฐานอยู่ที่ดวงตาทั้งสองข้าง”

เรารวมรู้ลงที่ดวงตาทั้งสองข้าง และดำริที่จิตว่า “ขออำนาจแห่งพระธรรมเจ้า ประดิษฐานอยู่ที่ดวงตาทั้งสอง” กำหนดรู้ที่ดวงตา พร้อมดำริว่า “ขอพระธรรมเจ้าประดิษฐานอยู่ที่ดวงตาทั้งสอง” อำนาจพระพุทธ พระธรรม ก็สวมลงบนศีรษะของเรา ประดิษฐานที่ดวงตาของเรา รักษาฐานแห่งความคิด... บนกระหม่อมศีรษะคือ ฐานแห่งความคิด เพื่อดำริชอบตามธรรม, ประดิษฐานดวงตาคือ เห็นแจ้งในธรรมที่ดำริชอบนั้น นี่คือความหมายธรรมอันยิ่งใหญ่มากจากบทสวดชินบัญชร ถอดออกมาจากเนื้อหาธรรมภายในแล้ว

คือการประพฤติธรรมอันยิ่งใหญ่ สั่งสอนว่า “ให้พวกเราทั้งหลายนั้น มีพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นที่พึ่งสูงสุด มีพระธรรมเป็นดวงตาสองข้าง ที่พึ่งเพื่อความเห็นชอบ มีทัศนะที่ถูกต้อง เพื่อญาณ...ความรู้แจ้งในสภาวธรรมทั้งหลาย พุทธะ ธัมมะ จึงมีองค์คุณอันยิ่ง ให้เรามีความสัมมาทิฏฐิ (เห็นชอบ) มีดำริชอบคือ สัมมาสังกัปโป นั่นเป็นองค์คุณแห่งปัญญาให้เกิดอธิปัญญาเมื่อนัยตาสองข้างเกิดจักษุธรรม เกิดดวงตาธรรมขึ้น เพื่อนำไปสู่ความรู้แจ้งเห็นจริงในอริยสัจ๔ ประการ”

อ่านต่อฉบับพรุ่งนี้