posttoday

ลูลู่ vs ลาล่า ชีวิตหลังโปงลางสะออน

11 กุมภาพันธ์ 2556

ย้อนเวลาไปสัก 10 ปี ตอนนั้นต้องยอมรับว่า อีสานฟีเวอร์!! เพราะความแรงของคลื่นลูกใหม่ที่โชว์ได้อลังการทั้งศิลปะการแสดง

โดย...นกขุนทอง/ภาพ ทวีชัย ธวัชปกรณ์

ย้อนเวลาไปสัก 10 ปี ตอนนั้นต้องยอมรับว่า อีสานฟีเวอร์!! เพราะความแรงของคลื่นลูกใหม่ที่โชว์ได้อลังการทั้งศิลปะการแสดง แถมยังฮาขั้นเทพของวง “โปงลางสะออน” ไม่มีใครไม่รู้จัก อีกทั้งคาแรกเตอร์ของ 3 ตัวเด่น อี๊ด ลูลู่ ลาล่า ไม่มีใครจดจำไม่ได้ ทั้งท่าเต้นโลมา การพูดสำเนียงอังกฤษ พูดสำเนียงเด็กดอย เรียกว่าทั้ง 3 คน เป็นหัวใจของวงโปงลางสะออนทีเดียว

มาถึงวันนี้ ปี 2556 โฉมหน้าของโปงลางสะออนต้องเปลี่ยนไป เมื่อ ลูลู่ ลาล่า จับมือกันแน่นตัดสนใจเดินออกจากวง ต่อจากนี้ไม่มีแล้ว ลาล่า ลูลู่ โปงลางสะออน จะมีเพียงแต่ ลูลู่ ลาล่า อาร์สยาม ประชาชนรับทราบด้วยเด้อค้า!!

ปัญหาเบื้องลึกถึงการแยกวง แม้สื่อหลายสำนักจะพยายามสืบแคะคาดเดากันไปในทิศทางต่างๆ นานา รวมถึงผลประโยชน์ได้เสีย เรื่องบาดหมางผิดใจกันส่วนตัว ความจริงที่ออกจากปากของ ลูลู่ ลาล่า ก็คือ...

“ต้องการเดินออกมาหาประสบการณ์ใหม่ๆ”

เธอทั้งสองก็ได้ปรึกษากันเคลียร์ชัดแล้วว่า มีความฝันที่อยากทำ มีแนวทางเหมือนกัน เรื่องจึงจบพร้อมกับเริ่มต้น เข้าตามตำรา คนเดียวหัวหาย “สองคนเพื่อนตาย” เพราะความผูกพันสนิทสนมที่มานานนานเกือบ 20 ปี ตั้งแต่ยังเป็นนักเรียนนาฏศิลป์ วิทยาลัยนาฏศิลปกาฬสินธุ์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กรมศิลปากร เรียกว่าถึงปีนี้สบตาก็รู้ใจ

ลาล่า-ขวัญนภา เรืองศรี “ตอนตัดสินใจออกมาเครียดมาก เพราะครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่สำคัญ มันเปลี่ยนชีวิตเราไปอีกทางหนึ่งเลย ตอนแรกยังไม่ได้คุยกับลาล่า เป็นการตัดสินใจของเราเอง เราคุยกับตัวเอง ถ้าตัดสินใจไปแล้ว วันข้างหน้าจะเป็นยังไงเราก็พร้อมที่จะยอมรับมัน เพราะเราเลือกเอง เราก้าวออกมาแล้ว ต้องก้าวต่อไป”

ลูลู่-ดวงฤดี บุญบำรุง “ปกติลูลู่จะยอมทุกอย่าง เวลาทำอะไรก็พูดแต่แล้วแต่ อะไรก็ได้ บางทีเราก็ต้องการความเห็นบ้าง แต่สำหรับการตัดสินใจครั้งนี้ ไม่มีแล้วแต่ อะไรก็ได้ เพราะถ้าเราคิดไม่เหมือนกัน ไม่อยากไปทางเดียวกัน ก็ต้องมีคนหนึ่งอยู่ คนหนึ่งไป แต่นี่เราคิดทางเดียวกัน ว่าในชีวิตเรายังมีอะไรที่ยังเหลืออยู่บ้างที่เราอยากทำ อยากให้แฟนได้เห็นผลงานของเรา ตอนตัดสินใจเครียดมาก แต่ไม่ถึงกับร้องห่มร้องไห้”

ผลงานชิ้นแรกที่จะได้เห็นได้ฟังกันในนาม “ลูลู่ ลาล่า อาร์สยาม” คือเพลง “คางคกขึ้น ฮ.” ที่สองสาวบอกว่าแซ่บเวอร์รับประกันความฮาล้นเพลงสนุก เซิบๆ ให้ฟังนิดๆ “สวยแซ่บเวอร์ มันต้องสวยแซ่บเวอร์ สวยแซ่บเวอร์ มันต้องสวยแซ่บเวอร์ มันต้องแอ็กโอเวอร์ แบบซูเปอร์สตาร์ ใช่ลืมตัวเหมือนคางคกขึ้นวอ เดี๋ยวนี้คางคกเขาขึ้น ฮ.แล้วจ้า” นี่ถ้าจัดเต็มทั้งร้องทั้งเต้นไหนจะเสื้อผ้าหน้าผมที่ขนมาอย่างอลัง งานนี้ขอบอกว่า เวอร์สมบูรณ์แบบค่า

นอกจากนี้ ยังมีงานละครที่กำลังถ่ายทำอยู่คือ นางมาร ข้าวนอกนา จะออกอากาศทางช่อง 8 และกุหลาบแซ่บแอ๊บหวาน ทางช่อง 3 ซึ่งงานแสดงเป็นอีกงานหนึ่งที่ทั้งคู่ชอบมากและอยากพิสูจน์ฝีมือให้แฟนๆ ได้เห็นว่า สามารถที่จะรับบทบาทที่แตกต่างและยังมอบความสุขให้คนดูได้ตามสไตล์ของทั้งคู่

“ไม่ใช่ตลก เพราะไม่กล้าเทียบขั้นตลกจริงๆ ต้องเก่ง มุขมาไหว มีการซักซ้อม แต่เธอเป็นเพียงผู้หญิงสองคนที่อารมณ์ดี มีสไตล์เป็นของตัวเอง แสดงมาจากอินเนอร์ อยากมอบความสุขให้คนดูได้อารมณ์ดีเหมือนกัน”

คาแรกเตอร์ของลูลู่กับลาล่า ไม่ว่าจะมีนามสกุลห้อยท้ายชื่อว่าอย่างไร ก็ยังคงคาแรกเตอร์เดิม เพราะไม่ใช่แค่การแสดงแต่มันมาจากอินเนอร์ที่ชีวิตจริงๆ พวกเธอก็เป็นแบบนั้น

ลาล่า ขอเป็นคนเล่า “ลูลู่เขาจะเป็นคนซื่อๆ ดูเหมือนโง่ แต่ในชีวิตจริงไม่โง่นะคะ แต่บนเวทีเขาจะได้ลูกสงสารจากคนดู เหมือนโดนเราข่มตลอดเวลา และเวลาแสดงจะซ้อมกันไม่มากเลย ต้องเล่นกันสดๆ ถึงจะได้ความน่ารักใสซื่อของเขาจริงๆ ส่วนลาล่าก็เป็นแบบนี้เลย เพราะมีเพื่อนประเภทที่สามเยอะ จริตจะก้านก็จะออกเยอะหน่อย เวลาคุยกันมือไม้ออกหมดเหมือนทำการแสดงอยู่ บางทีนิ้วก็จะจิ้มตาคนคุยด้วย แต่คาแรกเตอร์บนเวทีเราต้องเพิ่มทำเป็นฉลาด พูดมากรู้ทุกเรื่อง แต่คำตอบที่ถูกจะอยู่ที่ลูลู่ เหมือนโง่แต่อวดฉลาด (หัวเราะ)”

ลูลู่ “บางทีงานแสดง ผู้กำกับเขาก็รีเควสมาเลยว่า อยากได้คาแรกเตอร์เราแบบนี้ แต่ก็มีบางเรื่องที่เราได้เล่นบทที่ห่างจากตัวเรา ซึ่งก็เป็นการท้าทายความสามารถ เป็นสิ่งที่เราอยากทำ”

ถึง... พี่อี๊ด และโปงลางสะออน

ลูลู่ “ขอบคุณพี่อี๊ด พี่นุช (แฟนอี๊ด) ทุกๆ คนในวงที่ทำให้ลูลู่มีทุกวันนี้ ไม่เคยลืมเพื่อนวงโปงลางสะออน ความรู้สึกยังเหมือนเดิม ทุกคนยังอยู่ในใจเสมอ อนาคตเราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเราอาจกลับมาร่วมงานกันก็ได้”

ลาล่า “พี่อี๊ด พี่นุช สอนกฎกติกามารยาททางสังคม วัฒนธรรมที่สืบต่อกันมาระหว่างพี่กับน้อง ให้รู้จักมีสัมมาคารวะ อย่างทุกวันนี้เจอพี่ดวง (ลูลู่) ก็ยังยกมือไหว้ตลอดลาก็ไหว้ พี่อี๊ดสอนให้รู้จักระเบียบวินัย ระเบียบของการแต่งตัว พี่อี๊ดกับแฟนพี่อี๊ดเนี้ยบขนาดเวลาขึ้นแสดงบนเวทีไรผมห้ามตก แถวบนเวทีต้องตรง และเป็นเพราะความเนี้ยบทุกอย่างทำให้เรามีวันนี้ เรื่องการแต่งตัวเหมือนกัน ทำให้เป็นเสน่ห์สำหรับตัวเรา ระเบียบของการใช้ชีวิตที่พี่เขาสอน ทำให้จากชีวิตหนึ่งพลิกมาอีกชีวิตหนึ่ง นี่คือสิ่งที่โปงลางให้เรามา”

เก็บตก ลูลู่ ลาล่า ฮาๆ เด้อค่า

ม.ค. 2556 ลูลู่ ลาล่า โปงลางสะออน ประกาศแยกวงจากโปงลางสะออน

ก.พ. 2556 ลูลู่ ลาล่า โปงลางสะออน เปลี่ยนชื่อในวงการเป็น “ลูลู่ ลาล่า อาร์สยาม”

ที่มาของชื่อ “ลาล่า” มาจากคำว่า “อีหล่า” (คนอีสานเรียกเด็กผู้หญิงน่ารักๆ) ส่วน “ลูลู่” เข้าคณะทีหลังต้องการให้สอดคล้องกันบวกกับคาแรกเตอร์ดูคล้ายเด็กดอย เลยถูกเรียกว่า “ลูลู่”

ชื่อเล่นจริงๆ ของ ลาล่า คือ อุ๊ และ ลูลู่ คือ ดวง ทั้งคู่ยังเรียกชื่อแทนตัวเอง แต่คนสนิทแทบทุกคนลืมไปแล้ว เรียกแต่ ลาล่า ลูลู่

ท่าเต้นโลมาของลาล่าที่ฮิตระเบิดระเบ้อ คนที่คิดท่าให้คือ ตุ๊กกี้ ชิงร้อยชิงล้าน (ตั้งแต่ยังไม่ดังซะเอง)

ปกติลูลู่พูดชัด แต่ต้องพูดไม่ชัด (สำเนียงเด็กดอย) เพื่อการแสดง จนทุกวันนี้ลูลู่พูดชัด แต่ก็ฟังดูเหมือนไม่ชัด (เวงกรำ)

ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแทบจะทั้งวันทั้งคืน พอหลังเลิกงานลูลู่ต้องการเวลาส่วนตัว ส่วนลาล่า “ลูลู่ไปไหนไปด้วยสิ!!!”

เวลาลูลู่ซื้อรองเท้า เสื้อผ้า ที่คาดผม ฯลฯ ต้องซื้อมาเผื่อลาล่าเสมอ แต่ต้องเน้นใหญ่เวอร์สีจัดกว่า

ลูลู่ยอมลาล่าเสมอ ยกเว้นเรื่องงดอาหารลดความอ้วนเป็นเพื่อน

ประโยคที่ลูลู่บอกกับลาล่าบ่อยๆ ก็คือ “ลาล่าพูดเบาๆ หน่อย นี่ทำการแสดงอยู่หรือเปล่า”

คบกันมาเกือบ 20 ปี ทั้งคู่เพิ่งตกลงเรื่องการนอนรวมห้องกันได้เมื่อปีที่แล้ว เพราะลาล่านอนต้องมีแสงไฟ ลูลู่ห้องต้องมืดสนิท โดยลูลู่เป็นฝ่ายยอมก่อนแล้วค่อยย่องปิดทีวียามลาล่าหลับ

อดีต! ลาล่า ลูลู่ โปงลางสะออน

ผลงานที่ผ่านมาของลูลู่ ลาล่า ในนามโปงลางสะออน โดยมี อี๊ด (สมพงษ์ คุนาประถม) เป็นผู้ชักนำเข้าวงการ มีผลงานเพลง 4 อัลบั้ม คือ “เดอะมิวสิก” ปี 2549 “เดอะมิวสิก 2” ปี 2550 “ศิลปินลูกข้าวเหนียว” ปี 2551 และ “ชุดที่ 4 หัวใจสบายดี” ปี 2553 คอนเสิร์ตใหญ่ เช่น ปี 2548 “โปงลางสะออน ไลฟ์ อิน บางกอก” ปี 2549 “โปงลางสะออน เดอะ โชว์ มาส โก สะออน” ปี 2550 “มหกรรมสะออนคอนเสิร์ต 2007 โปงลางสะออน ตอน...อะเมซิ่งไทยแลนด์” ปี 2551 “โปงลางสะออน คอนเสิร์ต We are the world” ปี 2552 “โปงลางสะออน เฟสติวัล คอนเสิร์ต ตอน เทศกาล เชิญแขก แปลกหน้า” ปี 2553 “โปงลางสตอรี่ ไลฟ์ อิน บางแค”

นอกเหนือจากงานเพลง งานคอนเสิร์ต นับตั้งแต่เซ็นสัญญากับค่ายอาร์สยาม ปี 2547 ผลงานทางด้านการแสดงก็เรียกว่าขายเป็นแพ็ก 3 คน อี๊ด ลูลู่ ลาล่า โปงลางสะออน อาทิ ภาพยนตร์เรื่อง “เสือภูเขา” (2548) “น้ำพริกลงเรือ” (2549) “รักจัง” (2549) “ผีไม้จิ้มฟัน” (2550) “โปงลางสะดิ้ง ลำซิ่งส่ายหน้า” (2551) และ “สามย่าน” (2553)