สภาผู้บริโภคขีดเส้นตาย OPPO - Realme ภายใน 3 วัน ต้องเอาแอปฯ เถื่อนออก
สภาผู้บริโภคยื่นคำขาด! OPPO-Realme ต้องถอนแอปพลิเคชันกู้เงินเถื่อนภายใน 3 วัน จี้ 5 หน่วยงานรัฐตรวจสอบและหามาตรการรับมือ
หลังจากเพจ “คุณลุงไอที” ได้จุดประเด็นว่ามีแอปฯ กู้เงินเถื่อนที่ชื่อ ‘Fineasy’ และ ‘สินเชื่อความสุข’ แอบติดตั้งมาพร้อมกับโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ OPPO และ Realme โดยที่ผู้บริโภคไม่ได้ยินยอมและพบว่าแอปฯ เหล่านี้ไม่สามารถถอนการติดตั้งหรือปิดใช้งานได้ง่ายดาย ซึ่งทำให้เกิดความกังวลเรื่องการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวและอาจสร้างความเสียหายทางการเงินแก่ผู้บริโภค
วันนี้ (12 มกราคม 2568) นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา รองเลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค เรียกร้องบริษัท OPPO และ Realme ชี้แจงภายใน 3 วันว่าแอปพลิเคชันกู้เงินเถื่อนดังกล่าวติดตั้งมาบนอุปกรณ์ได้อย่างไร พร้อมเรียกร้องให้ถอนแอปออกจากเครื่องโดยทันที เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้บริโภคต้องตกเป็นเหยื่อซ้ำและต้องไม่ให้เป็นการผลักภาระให้ผู้บริโภคต้องเดินทางไปที่ศูนย์บริการ ทั้งนี้ นายอิฐบูรณ์ ระบุว่า การชี้แจงของบริษัทถือเป็นการสะท้อนความโปร่งใสและความรับผิดชอบต่อสาธารณะ หากยังนิ่งเฉย สภาผู้บริโภคจะดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
“เรียกร้องให้บริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนแสดงความรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยออกมาตรการเยียวยาอย่างเป็นรูปธรรม และขอย้ำว่าการติดตั้งแอปพลิเคชันโดยไม่ได้รับความยินยอมถือเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานในมาตรา 4 (2) ของพ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 ที่ผู้บริโภคต้องมีสิทธิเลือกใช้สินค้าและบริการโดยไม่ถูกบังคับ และต้องได้รับปลอดภัย โปร่งใส ที่สำคัญผู้บริโภคไม่ควรต้องตกเป็นเหยื่อการกระทำที่ขาดความรับผิดชอบ”
รองเลขาธิการสำนักงาน ระบุว่า สภาผู้บริโภคขอเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายโดยด่วนกับกรณีที่เกิดขึ้น โดยภายในสัปดาห์นี้สภาผู้บริโภคจะส่งหนังสืออย่างเป็นทางการถึงหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
- สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ต้องตรวจสอบและดำเนินการคุ้มครองผู้บริโภคตามอำนาจหน้าที่ โดยเฉพาะประเด็นสินค้าและบริการที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อทรัพย์สินของประชาชน หากพบว่ามีการละเมิด ต้องดำเนินการลงโทษและเยียวยาผู้บริโภคทันที
- สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) ต้องตรวจสอบการละเมิดสิทธิข้อมูลส่วนบุคคลที่เกิดขึ้น พร้อมบังคับใช้กฎหมายพีดีพีเอ (PDPA) อย่างจริงจัง
- คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ต้องตรวจสอบผู้รับใบอนุญาต เช่น ค่ายมือถือ ที่ปล่อยให้แอปฯ อันตรายติดตั้งมากับสมาร์ทโฟน โดยประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง มาตรการคุ้มครองสิทธิของผู้ใช้บริการโทรคมนาคมเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลสิทธิในความเป็นส่วนตัว และเสรีภาพในการสื่อสารถึงกันโดยทางโทรคมนาคม (พ.ศ.2566) กสทช. ปี 2566 กำหนดชัดเจนว่าผู้รับใบอนุญาตต้องมีมาตรการคุ้มครองข้อมูลและความปลอดภัยของผู้บริโภค
- กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ต้องเรียกบริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและแพลตฟอร์ม เช่น เพลย์สโตร์ (Play Store) เข้าหารือ เพื่อกำหนดมาตรการคัดกรองและบล็อกแอปพลิเคชันผิดกฎหมาย
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ต้องเร่งออกมาตรการควบคุมการปล่อยสินเชื่อผิดกฎหมาย และดำเนินการปราบปรามแอปฯ กู้เงินเถื่อนร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ด้าน นายภัทรกร ทีปบุญรัตน์ รองหัวหน้าฝ่ายคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค สภาผู้บริโภค เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมาสภาผู้บริโภคได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับแอปฯ กู้เงินเถื่อนแล้วกว่า 1,800 ราย พบว่าผู้บริโภคถูกละเมิดสิทธิชัดเจนตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค และ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ทั้งยังเกิดความไม่ปลอดภัยต่อทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งสภาผู้บริโภคได้ส่งรายชื่อแอปพลิเคชันต้องสงสัยให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ตรวจสอบและดำเนินคดีต่อไปแล้ว
นอกจากการประเด็นปัญหาที่เกิดขึนข้างต้น สภาผู้บริโภคยังเรียกร้องให้มีการออกและเร่งบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคจากสินค้าที่มีความชำรุดบกพร่องหรือที่มีความเสี่ยงในการใช้งาน เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับการคุ้มครองจากอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากสินค้าหรือบริการที่ไม่มีมาตรฐาน ซึ่งปัจจุบันในไทยยังไม่มีกฎหมายเฉพาะด้านนี้ ได้แก่ กฎหมายความรับผิดเพื่อความชำรุดบกพร่องของสินค้า หรือกฎหมายเลมอน ลอว์ (Lemon Law) เพื่อรองรับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย ซึ่งขณะนี้สภาผู้บริโภคได้ยื่นรายชื่อเสนอกฎหมายดังกล่าวนี้แล้ว