ดนตรีนั้นคือชีวิต
นี่คือหนังที่ดูแล้วมีความสุขที่สุดในรอบสัปดาห์
โดย...โจ เกียรติอาจิณ
นี่คือหนังที่ดูแล้วมีความสุขที่สุดในรอบสัปดาห์
สนุก ฮา น่ารัก เพิ่มพลังใจ มีเศร้าและซึ้งปนนิดหน่อย แล้วหนังก็ยังเด่นเรื่องเพลงกับการแสดงที่แท็กทีมมาสร้างสีสันได้อย่างลงตัว
มุขขำที่อยู่ในหนังไม่ได้ดูเกรี้ยวกราดเหมือนหนังตลกไทยที่ชอบตีหัวจนเลือดสาด และก็ไม่ได้ทำเป็นมึนใส่คนดูเหมือนหนังตลกยุโรป หนังค่อยๆ บิลด์อารมณ์ด้วยการหยอดมุข จากนั้นก็สร้างบรรยากาศขึงขังขึ้น ยิ่งเฉพาะการเหยียดเชื้อชาติและสีผิว รวมไปถึงยั่วล้อกับประเด็นสงครามเวียดนามแบบทีเล่นทีจริง
น้ำหนักการดำเนินเรื่องนั้น หนังเทไปทางความบันเทิงมากกว่าจะเน้นดรามา ทำให้หนังดูผ่อนคลาย ไม่ซีเรียสเกินไป แม้ว่ากำลังพูดถึงประเด็นสังคมก็ตาม
ถือเป็นหนังสัญชาติออสเตรเลียที่ดูไม่ทะเยอทะยานเท่าไหร่ในการนำชีวิต “คนพื้นเมืองอะบอริจิน” ผู้เปรียบเสมือน “คนนอก” ในยุคที่ยังมีการแบ่งชนชั้น
ตัวหนังว่าด้วย 4 สาวอะบอริจิน “เกล” “จูลี” “เคย์” “ซินเธีย” ที่มาพร้อมกับพรสวรรค์การร้องเพลง พวกเธอฝันอยากโชว์บนเวที จึงดั้นด้นไปร่วมประกวดกับคนผิวขาว ทว่าสิ่งที่พวกเธอได้รับกลับคือเสียงหยามเหยียดและทีท่าเกลียดชัง เพียงเพราะพวกเธอเป็นคนผิวสีและเป็นชาวอะบอริจิน
แม้ฝันจากเวทีการประกวดจะพังทลายลง แต่พวกเธอก็ยังคงไม่ทิ้งฝัน แล้วโชคก็เข้าข้าง เมื่อพวกเธอไปเจอกับ “เดฟ” มือเปียโนผิวขาวที่ไว้วางใจในเสียงอันทรงพลังของพวกเธอ ทั้งหมดจึงออกเดินทางร่วมชะตากรรมฐานะคณะแซฟไฟร์สจากออสเตรเลีย ซึ่งมีภารกิจหลักต้องไปโชว์ต่อหน้าเหล่าทหารหาญในสงครามเวียดนาม
ที่เวียดนาม คณะแซฟไฟร์สได้รับการขานรับอย่างดี ทหารออกไปรบ ทหารบาดเจ็บ ทหารขี้เมา ทุกคนต่างเฝ้ารอการมาเยือนของ 4 สาว และเฝ้ารอกำลังใจจากเสียงร้องเพราะๆ ของพวกเธอ ขณะเดียวกัน พวกเธอก็พิสูจน์ให้โลกได้รู้ว่า ไม่ว่าจะยามไหน สงบ หรือรบพุ่ง ดนตรีคือยาวิเศษที่พร้อมจะรักษาหัวใจให้กับทุกๆ คนในทุกๆ ครา
เช่นเดียวกับพวกเธอนั่นไง ยามที่ทุกข์จากการโดนหมิ่นหยาม เกียรติ ศักดิ์ศรี หรือชาติกำเนิด มีเพียงดนตรีเท่านั้นที่ปลอบประโลมให้พวกเธอหายทุกข์ ดนตรีช่วยต่อลมหายใจ ดนตรีช่วยต่อชีวิตให้คนที่ท้อแท้ หมดหวัง กลายเป็นคนมีพลังและฮึดลุกขึ้นสู้ต่อ
และก็เช่นเดียวกัน ดนตรียังทำหน้าที่ให้พวกเธอรู้สึกสุข สนุก และสดใสในโมงยามแห่งความสำเร็จที่เกิดขึ้น แม้มันจะเป็น ณ ช่วงเวลาหนึ่งๆ และสั้นๆ นั่นก็เพราะดนตรีมีพลังที่นำแสงสว่างมาสู่กลางใจของพวกเธอ
The Sapphires
ปี 2012
ประเทศ ออสเตรเลีย
ประเภท ชีวิต / ตลก / เพลง / ชีวประวัติ
ภาษา อังกฤษ
ความยาว 103 นาที
กำกับ เวย์น แบลร์
แสดงนำ คริส โอ’ ดาวน์ / เดบอราห์ เมลแมน / เจสสิกา เมาบอย / ชารี เซบเบนส์ / มิแรนดา แทปเซลล์
ผู้กำกับออสซี “เวย์น แบลร์” เคยทำหนังสั้นมาแล้ว 2 เรื่อง The Djarn Djarns และ Black Talk ก่อนจะกระโดดมากำกับซีรีส์ Double Trouble, Lockie Leonard ล่าสุดก็เรื่อง The Elegant Gentleman’s Guide to Knife Fighting ขณะที่ The Sapphires คือหนังยาวเรื่องแรกของเขา
“เวย์น แบลร์“ นั้นมีบรรพบุรุษเป็นชาวอะบอริจินในสายคุณย่า และเรื่องราวเหล่านั้นก็เป็นแรงบันดาลใจให้เขาอยากกำกับหนังเรื่องนี้ “ตอนที่ผมอ่านบทหนัง ผมรู้สึกถึงพลังงานและอารมณ์ของมันแทรกซึมเข้าไปในเส้นเลือดของผมเลยล่ะ”
หนังกวาดคำชมและรางวัลจากเทศกาลหนังทั้งในบ้านเกิดและนานาชาติ เช่นว่า Australian Film Institute 11 รางวัล รวมถึงผู้กำกับ นักแสดงนำชายหญิง หนังยอดเยี่ยม โปรดักชันดีไซน์ Australian Screen Sound Guild ชนะขวัญใจกรรมการ Australian Writers’ Guild คว้าหนังดัดแปลง Denver International Film Festival ชนะขวัญใจผู้ชม Film Critics Circle of Australia Awards ชนะดนตรีและเพลงประกอบ Palm Springs International Film Festival ได้รางวัลขวัญใจผู้ชมและผู้กำกับน่าจับตา