‘กรงนก’ไม่ใช่บ้านที่น่าอยู่
กว่า 10 ปีที่ผ่านมา การเลี้ยงและแข่งขันประชันเสียงร้อง นกปรอดหัวโขน ได้แพร่ความนิยมจากภาคใต้ ไปยังทั่วทุกภาคของประเทศ
กว่า 10 ปีที่ผ่านมา การเลี้ยงและแข่งขันประชันเสียงร้อง นกปรอดหัวโขน ได้แพร่ความนิยมจากภาคใต้ ไปยังทั่วทุกภาคของประเทศ ด้วยการจัดแข่งขันประชันเสียงร้องที่ได้รับการส่งเสริมจาก องค์กรท้องถิ่น และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง มีการตั้งเงินรางวัลล่อใจ ที่สำคัญเป็นการสร้างราคาให้กับนกที่ชนะจนบางตัวมีราคาค่าตัวถึงหลักแสน ยิ่งทำให้ตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยนนกคึกคักอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน จากการเลี้ยงนกเป็นงานอดิเรก แก้เหงา กลายเป็นวงจรธุรกิจใหญ่โต ธุรกิจที่เกี่ยวข้องอย่างการเลี้ยงหนอนนก อาหารนกสำเร็จรูป การผลิตกรงนกจึงเฟื่องฟูตามไปด้วย
คนที่ชอบเลี้ยงนกมักอ้างว่าทำด้วยความรัก และทะนุถนอม ยิ่งกว่าลูกเสียอีก แต่คงไม่มีใครที่รักลูกเป็นห่วงลูก แล้วกักขังลูกไว้แต่ในห้องตลอดเวลา ลองทดสอบด้วยการเปิดประตูกรง หากนกมีความสุขจริง มันคงไม่รีบบินไปไหน เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วกรงจะมีไว้ทำไม หากไม่เพราะต้องฝืนใจกัน
กลุ่ม Free The Birds กรงไม่ใช่บ้าน พยายามรณรงค์สะท้อนว่าไม่มีใครมีสิทธิเหนือชีวิตผู้อื่น ไม่ว่าคนหรือสัตว์ ความรักที่ต้องการครอบครองเป็นเจ้าของอิสรภาพและทุกสิ่งในชีวิตผู้อื่นนี้ จึงเป็นความรักที่เห็นแก่ตัว มีชีวิตมิใช่มีเพียงลมหายใจ
ที่มา : กลุ่ม Free The Birds กรงไม่ใช่บ้าน