In My Bag
ซูเปอร์มาร์เก็ตที่เวียนนามีอยู่หลายแห่งก็จริง แต่ปัญหาคือเวลาเปิดปิด ส่วนใหญ่เขาจะเปิดช่วงวันจันทร์ศุกร์
โดย...เรือนแก้ว บำรุง – สัมภาษณ์ / เรียบเรียง
สุชล มัลลิกะมาลย์ / อายุ 34 ปี
อาชีพ: นักศึกษาปริญญาเอก สาขาประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรมไม้ Vienna University of Technology
ที่อยู่: กรุงเวียนนา ออสเตรีย / ตั้งแต่ 2012
แหล่งซื้ออาหาร
“ซูเปอร์มาร์เก็ตที่เวียนนามีอยู่หลายแห่งก็จริง แต่ปัญหาคือเวลาเปิดปิด ส่วนใหญ่เขาจะเปิดช่วงวันจันทร์ศุกร์ ตั้งแต่เวลาแปดโมงเช้าหนึ่งทุ่ม วันเสาร์ถึงหกโมงเย็น ส่วนวันอาทิตย์ปิด ปัญหาหลักสำหรับคนทำงาน คือ กลับมาไม่ค่อยทันก่อนร้านจะปิด ร้านบริเวณที่พักที่ไปซื้อของประจำ คือ Hofer และ Billa ซึ่งทั้งสองแห่งจะมีของที่ต่างกัน Hofer จะมีพวกของใช้อย่างผงซักฟอก สบู่ ยาสีฟัน ฯลฯ รวมอยู่ด้วย ส่วน Billa จะมีแต่อาหารและเครื่องดื่ม ที่สำคัญราคาของเขาจะขายแพงกว่า Hofer อย่างเห็นได้ชัด บางคนว่าของ Hofer คุณภาพไม่ดี แต่โดยส่วนตัวเห็นว่าคุณภาพไม่ค่อยแตกต่างกันเท่าไหร่ แถมบางครั้งของ Hofer ยังให้ความรู้สึกของความเป็น Local มากกว่าของ Billa ที่หลายๆ อย่างให้ความรู้สึกว่าเป็นอาหารอุตสาหกรรม
การซื้อของที่ Hofer ต้องเตรียมถุงผ้าหรือกระเป๋าไปด้วย แต่จากที่เห็นคนออสเตรียนจะนิยมใช้เป้ใส่อาหารที่ซื้อมากกว่าการใช้ถุงผ้า ที่ Billa จะมีถุงพลาสติกขนาดเล็กให้หยิบฟรี ร้าน Hofer นี่ได้ชื่อว่าเป็นร้านที่คิดเงินเร็วที่สุดในออสเตรีย จนเพื่อนคนไทยบางคนบอกว่า กลัวที่จะไปซื้อของ Hofer เพราะถ้าชำระเงินช้าหรือเก็บของที่ซื้อมาเข้ากระเป๋าช้าแล้วพนักงานจะดุ เคล็ดลับในการคิดเงินที่รวดเร็วไม่มีอะไรมากไปกว่าความกระฉับกระเฉง (มากๆ) ของพนักงานขาย การชำระเงินของคนออสเตรียนโดยมากจะใช้บัตรเดบิต โดยจะมีขั้นตอน คือ เสียบบัตร กดรหัส และกดยืนยันยอดเงินที่เราต้องการจะชำระ ถ้าระบบบัตรเดบิตทำงานช้า พนักงาน Hofer จะเดินไปทำอย่างอื่นระหว่างรอ เช่น เอาไม้ถูพื้นมาทำความสะอาดรอบๆ แคชเชียร์ บางคนอาจจะรู้สึกว่าถูกกดดัน แต่ความจริงผมแนะนำว่าอย่าไปคิดมาก ระบบบางครั้งทำงานช้าเป็นเรื่องปกติ??
การใช้รถเข็นในทั้งร้านซูเปอร์มาร์เก็ตที่ไหนก็ตาม ต้องใช้เหรียญ 50 เซนต์ ไปเสียบมัดจำไว้ เมื่อเอารถเข็นไปเสียบคืน เงินมัดจำก็จะหลุดคืนออกมา? การทำอาหารไทยกินเองในเวียนนาก็ไม่ลำบากอะไรมาก เพราะมีแหล่งซื้อวัตถุดิบสำหรับการทำอาหารไทยอยู่ นั่นคือ บริเวณตลาดตุรกี และบริเวณ Naschmarkt ตลาดตุรกีจะมีร้านของคนเวียดนาม คนขายเคยอยู่เมืองไทย สามารถพูดภาษาไทยได้ดี ส่วนตลาดย่านที่สองจะมีร้านคนจีนหลายร้าน ของที่มีขายในร้านทั้งสองบริเวณนี้ค่อนข้างสมบูรณ์ ถ้าเป็นเครื่องปรุงรสหรือผักทั่วไปราคาจะไม่แพง แต่ถ้าเป็นอะไรไทยๆ ค่อนข้างพิเศษ เช่น มะเขือเปราะราคาจะแพงมาก ราคาเกือบๆ ลูกละ 1 ยูโร ซึ่งสำหรับตัวผมเองไม่สามารถตัดใจซื้อได้”
การเลือกซื้ออาหาร หีบห่อ บรรจุภัณฑ์
“ก่อนผมจะมาอยู่ที่เวียนนาผมเคยได้ยินมาก่อนแล้วว่า คนออสเตรียนนิยมกินอาหารเพื่อสุขภาพ ผมเป็นคนที่ค่อนข้างชอบกินสลัดมากพอสมควร เลยวาดภาพมาเตรียมพร้อม แต่พอมาถึงแล้วค่อนข้างต่างจากที่จินตนาการไว้ ช่วงแรกที่มาอยู่ผมซื้อสลัดเป็นแพ็ก แล้วก็พยายามหาน้ำสลัดมากินด้วย แต่ปรากฏว่าหาน้ำสลัดไม่ค่อยได้ เลยลองสังเกตเพื่อนๆ ดู คนที่นี่ส่วนมากกินผักเป็นชนิดๆ ไม่ได้นำมาทำเป็นสลัดรวมมิตรอย่างบ้านเรา และกินแบบไม่ใส่น้ำสลัด ช่วงแรกๆ ค่อนข้างประหลาดใจแต่พอลองกินตามเขาดูบ้าง ได้ค้นพบว่าผักที่นี่หวานมาก ไม่ว่าจะเป็นมะเขือเทศ ปาปริกา บรอกโคลี หรือซุกินี คนที่นี่อย่างมากจะแค่โรยเกลือ หรือใส่น้ำส้มหมัก Balsamico เท่านั้น
เพื่อนคนไทยท่านหนึ่งบอกผมว่า มะเขือเทศของออสเตรียอร่อยมาก เพราะเป็นมะเขือเทศพันธุ์เนื้อ ตอนแรกผมไม่เชื่อ เพราะโดยส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบกินมะเขือเทศเพราะรู้สึกว่าเนื้อมันจะเละๆ แต่พอได้ลองกินมะเขือเทศของที่นี่แล้วติดใจมาก ถึงขนาดตอนนี้กินมะเขือเทศแทบทุกมื้อ
ราคาผักที่ออสเตรียจัดว่าไม่แพงมากเท่าไหร่ ยกตัวอย่างเช่น มะเขือเทศพันธุ์เนื้อตกอยู่ที่กิโลกรัมละ 1.6 ยูโร ซุกินีและบรอกโคลี ราคากิโลกรัมละ 1 ยูโร การเลือกซื้อผักที่นี่ ควรจะเลือกซื้อตามฤดูกาล มิเช่นนั้นราคาผักต่างฤดูจะแพงมาก และที่สำคัญไม่มีรสชาติเลย เพื่อนออสเตรียนของผมจะคอยบอกเสมอว่า ฤดูนี้ต้องซื้ออะไรกิน ตัวอย่างเช่น ช่วงฤดูใบไม้ร่วง จะเป็นช่วงที่ปาปริกาหวานมาก แต่พอเริ่มเข้าหน้าหนาวปาปริกาจะไม่หวานแล้ว ช่วงปลายของฤดูใบไม้ผลิเป็นช่วงที่ซุกินีอร่อย ผักผลไม้ที่ซื้อมาไม่ควรเก็บนานเกิน 34 วัน เพราะจะเริ่มช้ำ การเลือกซื้อก็ควรจะเลือกจากกล่องบรรจุที่ยังไม่ค่อยมีคนเลือกจับมาก เช่น หยิบกล่องที่ซ่อนอยู่ในชั้นวางด้านหลัง เป็นต้น”
ในถุงกับข้าววันนี้
“สิ่งที่สำคัญที่สุดในถุงกับข้าววันนี้ (และต้องซื้อติดถุงกับข้าวอยู่ทุกอาทิตย์) คือ ปลา ออสเตรียเป็นประเทศที่ไม่ติดทะเล อาหารจำพวกปลาสดเป็นอาหารที่ค่อนข้างมีราคาแพงมาก แต่ปลาในรูปนี้ผมซื้อมาจาก Hofer ราคาแพ็กละ 1.8 ยูโร จะเอามาผัดกับอาหารจำพวกเส้นตระกูลสปาเกตตี
ผมมักจะชอบทำอาหารรวบเก็บไว้กิน 2 มื้อเลย คือ กินมื้อเย็นและส่วนที่เหลือก็แพ็กใส่กล่องไปกินตอนกลางวันที่ทำงาน อย่างที่เล่ามาก่อนหน้านี้ คนออสเตรียนจะชอบกินอะไรที่ค่อนข้างง่ายๆ อยู่ที่นี่นานไปผมเลยติดนิสัยนี้มาด้วย เช่น ชอบกินผักสดรวมกับขนมปัง แฮม (Schinken) และชีสมอสซาเรลลา อาหารกลางวันที่คนนิยมกินกันมากอย่างหนึ่งของคนที่นี่ คือ Leberkase Semmel คือ ขนมปังก้อนผ่ากลางใส่แฮมขนาดหนาประมาณ 1 เซนติเมตร บางคนว่าอาหารชนิดนี้คือ Typical Austrian Food เพราะเป็นอาหารที่มีไขมันและให้พลังงานสูง
ในวันหยุดสุดสัปดาห์ ผมจะมีเวลาว่างในการทำอะไรที่มันซับซ้อนหน่อย ที่เคยฝึกทำและคิดว่าอร่อยดี คือ Wiener Schitzel (หมูชุปแป้งทอด) บางคนว่าถ้าเป็นสูตรต้นตำรับจริงๆ จะต้องใช้เนื้อไก่งวงทำ การทำเริ่มจากการทุบเนื้อให้แบนแล้วโรยเกลือและพริกไทย หลังจากนั้นนำไปชุบแป้งรอบแรก แล้วก็ชุบแป้งผสมเกล็ดขนมปังและไข่ในรอบที่สอง จากนั้นนำไปทอดในน้ำมันร้อนๆ เป็นอันเสร็จ
Wiener Schitzel โดยมากจะกินกับมันอบและผักลวก คนออสเตรียนแต่ละครอบครัวจะมีสูตรในการปรุงแต่ง Wiener Schitzel เฉพาะของตัวเอง ซึ่งนับเป็นความภูมิใจของครอบครัวนั้นๆ สูตรที่ผมได้เรียนมา เพื่อนที่สอนแนะนำว่าคนทาง Upper Austria จะกิน Wiener Schitzel กับแยมชนิดหนึ่ง ชื่อ Preiselbeermarmelade (Lingonberry Jam)
เวียนนาเป็นเมืองแห่งขนมและของหวาน ขนมอย่างหนึ่งที่คนที่นี่ภูมิใจและชอบซื้อมาฝากกันประจำ คือ Sacher Torte หรือ ช็อกโกแลตเค้กที่มีหน้าหนามาก จะมีชั้นช็อกโกแลตสอดไส้อยู่ตรงกลาง รสชาติค่อนข้างจะหวานถึงหวานมาก
ร้านกาแฟเป็นอีกวัฒนธรรมที่คนเวียนนาภูมิใจ คนที่นี่จะไปนั่งทอดอารมณ์กินกาแฟ ของหวาน หรือกิน Brunch ที่ยาวนานถึง 34 ชั่วโมงในอดีต ร้านกาแฟในโซนเก่าของเวียนนา จะเป็นที่พบปะของนักคิดนักเขียน จนมีชื่อเสียงโด่งดังโดยเฉพาะในช่วงต้นปี 1900 กาแฟที่เวียนนาจะมีสูตรเฉพาะตัว และชื่อเรียกต่างออกไปจากที่เรารู้จัก เช่น Melange จะมีลักษณะคล้ายๆ คาปูชิโนแต่จะใส่ฟองนมเยอะกว่า และอีกแบบที่น่าสับสนอย่างมาก Double Mocha ของที่นี่ คือ Espresso แก้วใหญ่ที่เรารู้จัก โดยส่วนตัวผมเป็นคนชอบกินกาแฟมาก แต่ก็ไม่ค่อยมีเวลาไปกินตามร้านเท่าไหร่ เลยมักจะลงเอยด้วยการซื้อกาแฟกระป๋องอย่างในรูป จาก Hofer มากิน”