สนทะเลคำตอบของแผ่นดินที่ถูกทะเลกลืน
ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า พวกเราคุ้นเคยกับต้นสนทะเลกันดี เพราะเป็นต้นไม้ที่อยู่คู่กับหาดทรายชายทะเล
โดย...ม.ล.จารุพันธ์ ทองแถม
ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า พวกเราคุ้นเคยกับต้นสนทะเลกันดี เพราะเป็นต้นไม้ที่อยู่คู่กับหาดทรายชายทะเลแทบทุกแห่งไม่ว่าจะเป็นอ่าวไทยหรือฝั่งทะเลตะวันตก แต่น้อยคนจะทราบถึงที่มาที่ไปหรือเบื้องหลัง เบื้องลึกของไม้ยืนต้นนามสนทะเลที่จะกล่าวถึงในตอนนี้
ย้อนหลังไปในปี ค.ศ. 1964 ผู้เขียนรู้จักกับต้นสนทะเลเป็นครั้งแรกที่เกาะลูซอน ประเทศฟิลิปปินส์ ชาวบ้านที่นั่นเรียกต้นไม้ชนิดนี้ว่าอะโกโฮ่ (Agoho) ฟังดูแล้วแปลกหูดี แต่ไม่นานนักโปรเฟสเซอร์ที่ CLSU (Central Luzon State University) บอกกับผมว่าชื่อละตินของมันคือ Casuarina equisetifolia L. ซึ่งอ่านละตินเป็นแบบไทยๆ ก็คือ คาซูเอรินา ซึ่งเป็นชื่อสกุล (Genus name) ส่วนชื่อชนิด (species) คือ อีควิเซทติโฟเลีย แปลตามตัวแปลว่าใบที่คล้ายต้นหางม้า (Equisettum) ซึ่งเป็นพืชชั้นต่ำเรียกว่าหญ้าหางม้าหรือแช่ม้า บางคนเรียกหญ้าถอดปล้อง (ป้อง) ต้องยอมรับว่าใบของมันดูคล้ายกันจริงๆ ทั้งๆ ที่อยู่ห่างกันคนละโยชน์
ต้นอะโกโฮ่ที่เรียกกันในฟิลิปปินส์ตอนนั้นไม่ได้เพียงแต่ดูคล้ายหญ้าถอดปล้อง ซึ่งเป็นเครือญาติของเฟินเท่านั้น แต่มันยังคล้ายใบของสนที่แท้คือสนไพน์ (pine tree) ซึ่งอยู่ในสกุลไพนัส (Pinus) นับเป็นสนแท้จริงคืออยู่ในชั้นจิมโนสเปิม (Gymnosperm) ส่วนต้นอะโกโฮ่หรือที่คนไทยเรียกว่าสนทะเลนั้น ไม่ได้เป็นสนที่แท้จริง แต่อยู่ในชั้นของแองจิโอสเปิม (Angiosperm) คือเป็นต้นไม้ดอกชั้นสูง เช่น กุหลาบ ชบา ต้นจามจุรี ต้นเงาะ ต้นราชพฤกษ์ เพียงแต่สนทะเลดูคล้ายสนจำพวกสนสองใบ สนสามใบซึ่งอยู่ในสกุล Pinus เพราะมีใบเป็นเส้นเล็ก ยาว ห้อยลงดูคล้ายเข็มที่ต่อกันลงมามีสีเขียวอมเทา และมีโคนเล็กๆ คล้ายสนที่แท้จริง ติดอยู่ตามกิ่ง สนทะเลหรืออะโกโฮ่นี้เป็นต้นไม้ขนาดกลางถึงใหญ่ ไม่ผลัดใบ ที่จริงใบของมันถูกลดรูปลดขนาดลง จนเหลือเป็นเกล็ดจิ๋วๆ ติดอยู่ตามกิ่งย่อยที่มีรูปคล้ายเข็มต่อกันลงไปตามกิ่งก้านเล็กๆ และจากการลดรูปลดพื้นที่เสียน้ำของใบสนทะเลเหล่านี้ทำให้ลดการสูญเสียน้ำจากการระเหยและคายน้ำจากใบและต้นไปได้มาก ทำให้มันขึ้นอยู่ได้ตามริมหาดซึ่งถูกไอละอองน้ำเค็มพัดอยู่เป็นนิจ ริมหาดต่างๆ ของเกาะภูเก็ตเรามักเห็นกลุ่มต้นอะโกโฮ่หรือสนทะเลขนาดยักษ์สูงได้ถึง 50 ม. และมีเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 18 ซม. แต่ทั่วไป เช่นที่หาดบ้านเพ จ.ระยอง ต้นสนทะเลมักมีความสูงเพียง 1520 ม. เท่านั้น
การกระจายพันธุ์
ต้นอะโกโฮ่หรือสนทะเลเป็นพืชท้องถิ่นของซีกโลกใต้ จากอินเดียไปจนถึงโพลีนีเซีย คือ แปซิฟิกตอนใต้ โดยมีออสเตรเลียเป็นแหล่งกำเนิดและแพร่กระจายพันธุ์ในเขตกึ่งร้อนและชายฝั่งทะเลเขตร้อน เช่น แถบควีนส์แลนด์ไปจนถึงภายในทวีปซึ่งแห้งแล้งสุดโหด
สนทะเลไม่ใช่สนแท้จริงดังกล่าว ดังนั้นการเรียกต้นไม้ชนิดนี้ว่าต้นอะโกโฮ่จึงดูเหมาะสมและไม่ทำให้ผู้คนเข้าใจผิดดังเช่นคำว่าสนทะเล อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้น สนทะเลเป็นไม้ยืนต้น ที่ชอบอากาศร้อนกึ่งเขตร้อน อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 1023 C และปรับตัวอยู่ได้ในอุณหภูมิที่กว้างกว่านี้มาก ปริมาณฝนที่ตกในแต่ละปีของถิ่นเดิม ต้นอะโกโฮ่คือจาก 7002,000 มม. และอาจมีฤดูแล้งนาน 68 เดือน ต้นอะโกโฮ่ไม่เลือกดิน แม้จะเป็นดินมีเกลือปริมาณสูงในดินก็ตาม แต่มันไม่ชอบเนื้อดินเหนียว ระบายน้ำยาก ดังนั้นจึงปลูกได้ดีตามดินทรายชายทะเลทั่วไป
การขยายพันธุ์โดยเมล็ด
สนทะเลหรือต้นอะโกโฮ่ผลิตเมล็ดได้ภายในอายุห้าปีหลังปลูกด้วยต้นกล้า โดยเราเก็บโคนส์แก่จากกิ่งที่อยู่ใกล้โคนต้น เพื่อความสะดวก แต่ในอินเดียและมาเลเซียเขาเก็บเมล็ดจากโคนส์ใกล้ระยะสูง 23 เมตร เท่านั้น เก็บโคนส์ไว้ในลังไม้และตากแดดโดยเอาผ้าคลุมปากภาชนะไว้มิให้ลมพัดเมล็ดไปเสีย อาจฉีดพ่นด้วยสารเคมีป้องกันแมลง เช่น เซวิน (Sevin 85) ซึ่งจะป้องกันมด มอด ได้ดี หลังจากตากแห้งในแสงแดดจัดแล้ว 34 วัน จึงเขย่าแยกเมล็ดออกจากโคนส์โดยโคนส์สด (สีเขียว) หนึ่งกิโลกรัมจะได้เมล็ดประมาณ 22 กรัม หรือ 14,300 เมล็ด สำหรับปลูกในสวนป่า
การเพาะเมล็ดความงอก
เมล็ดสนทะเลมีสภาพความมีชีวิตต่ำประมาณ 4050% เท่านั้น ดังนั้นจึงควรรีบเพาะให้งอกได้ราว 50 เปอร์เซ็นต์ โดยเมล็ดจะงอกใน 2 สัปดาห์ และหลังเพาะแล้ว 150 วัน จะได้ขนาดต้นกล้าสูง 3040 ซม. จากนั้นให้ย้ายปลูกโดยใช้กระบะพลาสติกขนาด 25X20 ซม. โดยใช้ทรายหยาบ ขี้วัว และแกลบหมักหรือขุยมะพร้าวผสมให้เข้ากัน สำหรับบางแห่งอาจย้ายต้นกล้า (สูงราว 5 ซม.) อายุ 23 สัปดาห์ลงในถุงพลาสติกดำ ขนาด 5X10 นิ้ว โดยใช้ดินผิวผสมขุยมะพร้าวเป็นเครื่องปลูก และวางถุงในที่ร่ม 50 เปอร์เซ็นต์
การใช้ประโยชน์
ต้นอะโกโฮ่หรือสนทะเลเป็นต้นไม้ที่มีระบบรากแข็งแรงอายุยืนนาน จึงใช้เป็นต้นไม้กำบังลดความรุนแรงของลมพายุและใช้ปลูกป้องกันบรรเทาความเสียหายจากการถูกกระแสคลื่นกัดเซาะพื้นที่ริมชายหาด แต่การปลูกไม้ยืนต้นชนิดนี้ควรจะปลูกให้มีระยะถี่ห่าง เหมาะสม จึงจะได้ผลดีตามต้องการ