posttoday

ใช้ชีวิต...ให้เหมือนการมองภาพวาด

20 เมษายน 2557

ช่วงนี้...เรากำลังเข้าสู่ฤดูร้อนกันอย่างแท้จริงแล้วนะคะ หลายคนอาจจะไม่ชอบ หรือรับไม่ได้

โดย...ปูปรุง https://www.facebook.com/pages/ปูปรุง

ช่วงนี้...เรากำลังเข้าสู่ฤดูร้อนกันอย่างแท้จริงแล้วนะคะ หลายคนอาจจะไม่ชอบ หรือรับไม่ได้กับอุณหภูมิที่ไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละวัน บางครั้งก็จำเป็นต้องฝืนตัวเองเพื่อไม่ให้ใจเราร้อนรนตามตามสภาพแวดล้อมไปด้วย แต่ก็มีอีกมุมหนึ่งที่น่าสนใจ คือ ถ้าหากคุณสามารถมองข้ามจากเรื่องความร้อนไปได้ แล้วมองซ้ายขวารอบตัวหรือตามถนนหนทางที่ผ่านไปมาบ้าง คุณจะเห็นเหมือนฉันรึเปล่าว่า ฤดูกาลนี้...กลับเป็นช่วงเวลาที่มวลหมู่ต้นไม้พร้อมใจกันออกดอกบานสะพรั่ง สวยงามจริงๆ โดยเฉพาะปีนี้ฉันสังเกตว่าดอกไม้ออกดอกมากมายเป็นพิเศษ ดูแล้วก็เหมือนภาพวาดขนาดใหญ่ที่มีชีวิตชีวา สามารถสร้างบรรยา

กาศความงดงามและเติมความรื่นรมย์ในใจให้กับผู้คนที่พบเห็นได้ไม่ยาก หากเราเปิดใจตัวเองหรือเปิดรับอีกมุมหนึ่งของสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้

พูดถึงเรื่องภาพวาด ทำให้ฉันนึกถึงคำแนะนำอันหนึ่งในการเสพงานศิลป์ที่คนในแวดวงศิลปะนั้นบอกต่อแนะนำกันมา เขาบอกว่าการที่เราจะดูภาพเขียนแต่ละชิ้นให้เข้าใจหรือเพื่อชื่นชมความสวยงามนั้น จำเป็นต้องอาศัยระยะในการยืนมองที่พอเหมาะพอดี หมายความว่าถ้าคุณเข้าใกล้ภาพนั้นเกินไปก็จะไม่สามารถมองไม่เห็นภาพรวม หรืออารมณ์ของภาพนั้นได้ชัดเจน ตรงกันข้าม ถ้าหากยืนไกลเกินไป คุณก็จะมองไม่เห็นรายละเอียดที่ศิลปินตั้งใจถ่ายทอดอีก และบางทีในรายละเอียดเหล่านั้น อาจเป็นจุดสำคัญที่ศิลปินต้องการสื่อในภาพนั้นๆ ก็เป็นได้

“ระยะที่พอดี” จึงเป็นสิ่งเราควรให้ความสำคัญ ไม่เฉพาะแค่เรื่องการเสพงานศิลป์เท่านั้น แต่ควรหมายถึงการดำเนินชีวิตในทุกๆ ด้านของเราทุกคนด้วย เพราะมันหมายถึงความชัดเจน ความสมบูรณ์แบบ ความงดงาม และสุดท้ายคือความสุข ที่ใครๆ ต่างต้องการให้เกิดขึ้นในชีวิตของตัวเองกันทั้งนั้น ขอพูดถึงเรื่องการงานก่อน เพราะเวลาในชีวิตส่วนใหญ่ของทุกคนนั้น ต่างถูกใช้ไปกับเรื่องการทำงานทั้งสิ้น การประสบความสำเร็จหรือความก้าวหน้าในหน้าที่ที่รับผิดชอบ รวมทั้งความสุขที่เราได้รับ ย่อมเป็นผลมาจากการที่คุณสามารถจัดระยะของตัวเองในการเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยเสมอ และมันยังทำให้คุณสามารถแยกแยะได้เช่นกันว่า “คนรักงาน” กับ “คนบ้างาน” นั้นมีเส้นบางๆ ที่แบ่งแยกให้รู้ว่ามันแตกต่าง เชื่อว่าคุณเองก็คงไม่ต้องการใช่มั้ยคะ ที่จะเป็นคนที่ดูเหมือนประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่แท้จริงแล้วในใจนั้นกลับมีความร้อนรนในใจอยู่ตลอดเวลา เพราะห่วงงาน ไม่สามารถแบ่งเวลาที่ควรจะเป็นเวลาในมิติอื่นๆ ของตัวเองออกมาใช้ได้

อีกด้านหนึ่งของชีวิตที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเรื่องการงานเลย ก็คือ เรื่องของความสัมพันธ์ ทั้งนี้ ไม่ได้นับเฉพาะความสัมพันธ์แบบคนกับคนเท่านั้น แต่ควรจะต้องรวมไปถึงทุกๆ ด้านที่ชีวิตเราต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงซึ่งกันและกันด้วย ในเรื่องความสัมพันธ์ของครอบครัว คนรัก เพื่อน เพื่อนร่วมงาน “ระยะที่พอดี” ย่อมทำให้ความสัมพันธ์ที่มีอยู่นั้นเติบโตงอกงาม เป็นพัฒนาการแบบช่วยเหลือเกื้อกูล ไม่ฉุดรั้งหรือบั่นทอนซึ่งกันและกัน ก่อให้เกิดความสุขทางใจในที่สุด ตรงกันข้ามกับ “ระยะที่ไม่พอดี” ที่อาจสร้างความรู้สึกอึดอัด หรือบางครั้งก็อาจทำให้อีกฝ่ายมีความรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้งได้เช่นกัน

ในด้านอื่นๆ ที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องรู้ว่า เมื่อใด อะไร ที่เราควรเข้าใกล้ และเมื่อใด อะไร ที่เราจำเป็นต้องถอยห่างออกมาบ้าง เพราะทุกๆ ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับชีวิตเรานั้น ล้วนเป็นประสบการณ์ที่ถูกธรรมชาติสร้างให้เกิดขึ้นในครั้งเดียวด้วยเงื่อนไขของเวลา เราจึงควรตระหนักถึงสิ่งนี้อยู่เสมอ เพื่อให้ตัวเองได้ใช้เวลากับทุกช่วงชีวิตที่เกิดขึ้นกับสิ่งเหล่านั้นอย่างสมดุลและถูกจังหวะจะโคน สมกับความจริงที่ว่า เราจะมีโอกาสดื่มด่ำกับสิ่งนี้เพียงครั้งเดียวในชีวิต

อย่าลืมว่าเราต่างก็เป็นศิลปินในการวาดภาพชีวิตของเราเองกันทุกคนนะคะ ดังนั้น นอกจากฝีมือลายมือและความพยายามที่เราต้องทุ่มเทลงไปแล้ว เวลาของการได้ชื่นชมกับภาพที่เราได้วาดแล้วเหล่านั้นด้วยระยะห่างที่พอดีๆ ก็มีความหมายไม่แพ้กัน ขอให้คุณมีความสุขและรื่นรมย์กับการชื่นชมผลงานที่กำลังสร้างสรรค์อยู่ทุกชิ้นนะคะ