จางเจี๋ยเจี้ย ตามรอยชนเผ่านาวี ความรักสุดซึ้งของนางจิ้งจอกขาว
การเดินทางไปจีนเพื่อเปิดเส้นทางบินใหม่ของสายการบินแอร์เอเชีย กรุงเทพฯ-ฉางซา
โดย...ทวีชัย ธวัชปกรณ์
การเดินทางไปจีนเพื่อเปิดเส้นทางบินใหม่ของสายการบินแอร์เอเชีย กรุงเทพฯ-ฉางซา ไปตามหาเทือกเขาที่พักพิงของชนเผ่านาวี มนุษย์ต่างดาวตัวสีน้ำเงินที่อาศัยอยู่ในดาวแพนดอร่า ในภาพยนตร์เรื่อง Avatar (อวตาร) ที่มีอยู่จริงบนโลกที่เมือง “จางเจี๋ยเจี้ย”
จางเจี๋ยเจี้ย เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความสวยงามและความมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติปั้นแต่งขึ้นอย่างอลังการอย่าง “เทียนเหมินซาน” ถ้ำประตูสวรรค์ที่เป็นแลนด์มาร์กของเมืองนี้ ถ้ำมังกรเหลือง และอุทยานแห่งชาติอู่หลิงหยวน ที่มีภูเขาหินทรายมากมายตั้งตระหง่านหลายพันยอด ทั้งที่เป็นยอดเขาและเสาหิน ที่นี่เองที่เป็นแรงบันดาลใจของผู้สร้างภาพยนตร์เรื่องอวตารได้นำไปเป็นส่วนหนึ่งของฉากในภาพยนตร์ ที่เล่าเรื่องราวการต่อสู้ของมนุษย์ผู้รุกรานกับชนเผ่านาวี
อุทยานแห่งชาติอู่หลิงหยวน เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งแรกของจีนตั้งแต่ปี 1992 ตั้งอยู่ในเมืองจางเจี๋ยเจี้ย มีทัศนียภาพที่สวยงาม มีลำธารจินเปียนซี (ลำธารแส้ม้าทองคำ) ที่เกิดจากการรวมกันของทางน้ำเล็กๆ นับร้อยสายที่ไหลจากยอดเขา และภาพวาดสิบลี้ หรือรูปร่างของภูเขาต่างๆ ที่อาจจะต้องใช้จินตนาการพอสมควรกว่าจะเข้าใจและนึกภาพตามที่ไกด์บอกว่าเหมือนกับอะไร เช่น คนหาสมุนไพร สามสาวพี่น้อง บัณฑิตอ่านหนังสือ และสัตว์ต่างๆ แต่ไฮไลต์ของที่นี่อยู่ที่ยอดเขาและเสาหินทรายที่สูงเสียดฟ้าที่เรียกว่า หยวนเจียเจี้ย
การขึ้นยอดเขามีลิฟต์แก้วไป่หลง ลิฟต์แก้วที่ก่อสร้างตามแนวหน้าผาสูง 326 เมตร ไว้บริการนักท่องเที่ยว (ค่าบริการลิฟต์แก้ว 72 หยวน ไม่รวมกับค่าเข้าอุทยานและค่ารถบัสในอุทยาน 245 หยวน) แล้วต่อรถบัสไปยังจุดชมวิว จุดชมวิวเป็นทางเดินที่ทอดยาวตามแนวหน้าผาระยะทางกว่า 2.5 กิโลเมตร ที่สามารถมองเห็นความสวยงามและวิวทิวทัศน์ของอุทยานได้กว้างไกล
นอกจากยอดเขาสลับซับซ้อนที่ประหลาดแปลกตาแล้ว ที่นี่ยังมีสิ่งมหัศจรรย์และสวยงามอีกอย่างหนึ่งที่เรียกว่า “เทียนเสี้ยตี้อี้เฉียว” หรือสะพานใต้ฟ้าอันดับหนึ่ง สะพานที่เชื่อมยอดเขาสองลูกไว้ด้วยกัน หลังจากดื่มด่ำกับทัศนียภาพต่างๆ บนยอดเขาอย่างเต็มที่ ขาลงจากเขาเปลี่ยนบรรยากาศจากลิฟต์แก้วมาใช้บริการกระเช้า (ค่าบริการ 6-7 หยวน) ก็ให้ความรู้สึกที่แปลกออกไป เหมือนลอยข้ามยอดเขาลงมา
เวลาตั้งแต่เช้ายันเย็นที่อุทยานแห่งนี้ ทำให้เราได้เสพธรรมชาติและตื่นตาตื่นใจกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม แม้จะต้องต่อแถวยาวเหยียดเพื่อใช้บริการรถบัส ลิฟต์ กระเช้า ที่เสียเวลาเป็นชั่วโมงก็ตาม คิวต่อไปถึงเวลาไปชมตำนานรักของนางจิ้งจอกขาวกัน
การแสดงโชว์ตำนานรักจิ้งจอกขาวกับชายตัดฟืน โชว์ที่เป็นผลงานจากการออกแบบของ จางอี้โหมว ผู้กำกับและผู้ออกแบบการแสดงมือหนึ่งของจีน เวทีที่ใช้แสดงเป็นเวทีกลางแจ้งที่มีฉากหลังเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนของเขาถ้ำประตูสวรรค์ที่เห็นอยู่ไกลตา ฉากต่างๆ ที่ทุ่มทุนสร้างอย่างลงตัว เทคนิค แสง สี เสียง และเอฟเฟกต์ต่างๆ ที่นำมาใช้อย่างจัดเต็ม สร้างความตื่นตาตื่นใจได้ตลอดการแสดง แม้เสียงซาวด์แทร็กจะเป็นภาษาจีน ซับไตเติ้ลที่จัดไว้เป็นภาษาเกาหลีและอังกฤษ แต่ไกด์ได้เล่าเรื่องคร่าวๆ ให้ฟังก่อนแล้วถึงความเป็นมาของตำนานความรักระหว่างชายหนุ่มและนางจิ้งจอกขาว ที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคเพื่อพิสูจน์รักแท้มากมาย เมื่อได้ชมจึงไม่ยากที่จะทำความเข้าใจและดื่มด่ำไปกับการแสดงของนักแสดงกว่า 600 ชีวิตบนเวที โดยไม่ต้องไปคำนึงถึงความหมายของเนื้อหาคำพูดของนักแสดงมากนัก การแสดงที่นี่มีเพียงวันละ 1 รอบ และนักท่องเที่ยวเข้าชมเต็มทุกวัน จะเข้าชมต้องจองล่วงหน้าผ่านบริษัททัวร์ต่างๆ ค่าเข้าชมคนละ 350 หยวน และงดการแสดงในหน้าหนาว เพราะอากาศที่หนาวเกินไป
ทั้งวันทั้งคืนที่เที่ยวชมในจางเจี๋ยเจี้ย ต้องบอกว่าเต็มอิ่มเต็มตากับทิวทัศน์และความอลังการของโชว์ ไม่เสียใจที่ได้มาเยือนเมืองนี้ แม้จะดูแออัดไปบ้างกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวมากมาย ทำให้การเดินทาง การเข้าชมที่ต่างๆ ค่อนข้างล่าช้า แต่ขอบอกสั้นๆ ว่า “คุ้ม” ครับ