เน็ตไอดอล4เหล่าทัพ ดาวดวงใหม่ในเครื่องแบบ
ทำความรู้จักกับตัวแทนจาก 4 เหล่าทัพ ข้าราชการทหารตำรวจเลือดใหม่ ที่เพรียบพร้อมทั้ง หน้าตา โปรไฟล์ แนวคิด และไลฟ์สไตล์
โดย...ภาดนุ-กองทรัพย์
ควันหลงจากงานพรมม่วง Nine Entertain Awards 2014 นอกจากแฟชั่นจากเหล่าศิลปินดาราแล้ว สิ่งที่กลายเป็นทอล์ก ออฟ เดอะทาวน์ในเช้าวันต่อมาก็คือ การปรากฏตัวของ 4 หนุ่มในเครื่องแบบสุดหล่อ ที่ได้รับเชิญมาให้เป็นผู้เชิญรางวัล หลายคนจึงสงสัยว่าชายในเครื่องแบบทั้ง 4 นี้เป็นใครมาจากไหน เราจึงไม่รอช้า อาสาพาไปทำความรู้จักกับตัวแทนจาก 4 เหล่าทัพ ข้าราชการทหารตำรวจเลือดใหม่ ที่นอกจากจะหน้าตาดีแล้ว โปรไฟล์ แนวคิด และไลฟ์สไตล์ของพวกเขาก็เป็นเสน่ห์ที่เรียกว่า “แทบละสายตาไม่ได้” เลยทีเดียวหละ...
น.ต.รณชย พูนบุญ กัปตันหนุ่มใจดี
ทหารอากาศมาดเท่วัย 34 มีตำแหน่งเป็นนายทหารประจำสำนักงานผู้บังคับบัญชา ศูนย์พัฒนาปิโตรเลียมภาคเหนือ กรมการพลังงานทหาร กระทรวงกลาโหม
“ที่จริงแล้วผมเป็นทหารอากาศ เป็นนักบินของกองทัพอากาศ แต่ตอนนี้ผมเพิ่งย้ายมาสังกัดที่กรมการพลังงานทหาร กระทรวงกลาโหมได้ไม่นาน โดยทำหน้าที่เป็นทหารคนสนิท (ทส.) ของผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาปิโตรเลียมภาคเหนือครับ”
กัปตันตูนเล่าถึงประสบการณ์การทำงานที่หลากหลาย รวมถึงบทบาทใหม่เน็ตไอดอลหนุ่มหล่อ 4 เหล่าทัพว่า ตั้งแต่จบจากโรงเรียนนายเรืออากาศก็ไปเรียนต่อที่โรงเรียนการบิน จากนั้นก็เป็นนักบินประจำกองการบินจังหวัดลพบุรี แล้วจึงได้รับเลือกให้ไปเป็นทหารปกครองดูแลนักเรียนเตรียมทหาร จากนั้นจึงมาเป็นนายทหารคนสนิทของนายทหารชั้นผู้ใหญ่ในกองทัพอากาศ จนกระทั่งย้ายมาสังกัดกรมการพลังงานทหารฯ ในปัจจุบัน
“รู้สึกดีใจครับที่คนทั่วไปเห็นความสำคัญของทหารมากขึ้น สมัยก่อนคนมักจะชื่นชมทหารหรือนักเรียนเตรียมทหารว่าเท่ผ่านเครื่องแบบ แต่ยุคนี้กระแสเน็ตไอดอลมาแรง คนรู้จักทหารผ่านสื่อต่างๆ มากขึ้น เมื่อมีคนมาชื่นชมก็น่ายินดีที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้กระแสความรักทหารหรืออยากเป็นทหารกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง”
กัปตันตูน บอกว่า เขาใช้กระแสสร้างแบบอย่างให้เด็กรุ่นใหม่ได้รู้ว่า อาชีพทหารดีอย่างไร ทั้งด้านความมั่นคงในชีวิต เป็นความภาคภูมิใจของพ่อแม่ สามารถช่วยเหลือประเทศชาติและประชาชนได้ ซึ่งก็ทำให้เด็กรุ่นใหม่อยากเป็นทหารอากาศกันมากขึ้น
“การเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปไม่ได้ทำให้ผมทำตัวลำบากขึ้นเลย ในทางกลับกันการที่เราเป็นไอดอลในสังคมโซเชียลเน็ตเวิร์ก ทำให้ผมสามารถเผยแพร่การทำความดีได้ ผมคิดว่าการทำความดีเราไม่ควรอาย เพราะความสุขของคนเรามันเป็นเรื่องง่ายๆ แค่ทำความดีเท่านั้นเอง”
กัปตันสุดหล่อทิ้งท้ายว่า ปรัชญาในการทำงานของเขาได้รับมาจากหลักเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง ซึ่งพระองค์เคยตรัสไว้ว่า “ความสุขของพระองค์คือการได้เห็นรอยยิ้มของประชาชน” เขาจึงดำเนินตามรอยพระองค์ท่านมาโดยตลอด ทำให้ชีวิตเขาดีขึ้นและมีความสุขมาก ดังนั้นความสุขของเขาก็คือ การทำให้ผู้คนที่อยู่รอบข้างตัวเขามีความสุขนั่นเอง
ร.ท.วิโรจน์ อารียวงศ์สถิตย์ พีอาร์นายเรือ
ทหารเรือรูปหล่อวัย 25 ปี นักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 48 นายเรือรุ่นที่ 105 ปัจจุบันมีตำแหน่งต้นหนแผนกเดินเรือ เรือหลวงปราบปรปักษ์ สังกัดกองเรือตรวจอ่าว กองเรือยุทธการ กองทัพเรือ
“ตำแหน่งของผมตอนนี้คือหัวหน้าแผนกเดินเรือ มีหน้าที่นำเรือ (เดินเรือ) ไปยังที่ต่างๆ เพื่อให้บรรลุภารกิจที่ได้รับมอบหมายโดยปลอดภัยและทันเวลา คอยควบคุมกำกับดูแลเอกสารต่างๆ ภายในเรือให้อยู่ในความเรียบร้อย รวมถึงการเป็นนายทหารสื่อสารของเรือ คอยควบคุมดูแลการรับส่งข่าวต่างๆ ฉะนั้นตำแหน่งหน้าที่ของผมจึงมีความสำคัญต่อเรือมากครับ”
สำหรับการถูกยกให้เป็นเน็ตไอดอล หมวดโรจน์ บอกว่า ทุกคนเป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดัน คอยช่วยเหลือ และเป็นกำลังใจให้ลุกขึ้นสู้ “ผมรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขทุกครั้งที่ได้รับความหวังดีจากทุกคน ผมจึงขอนำแรงผลักดันนี้เพื่อเป็นทหารให้ดีที่สุด เป็นทหารของพระราชา เป็นทหารของชาติ และประชาชนครับ”
หมวดโรจน์ บอกอีกว่า หน้าที่อีกอย่างของเขาคือการประชาสัมพันธ์ให้กองทัพเรือเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป การที่เขาเป็นที่รู้จักย่อมทำให้มีคนสนใจ เป็นประโยชน์และสามารถประชาสัมพันธ์กองทัพเรือได้มากยิ่งขึ้น ทำให้ทุกคนได้รู้ว่าทหารเรือทำงานหนักแค่ไหน เหนื่อยแค่ไหน ต้องเสียสละเพียงใด เพราะทหารเรือเป็นเหล่าทัพที่ปิดทองหลังพระมาโดยตลอด ไม่ค่อยออกมาประชาสัมพันธ์เท่าที่ควร
“ทุกวันนี้การประชาสัมพันธ์ของกองทัพถือว่ามีความสำคัญมากครับ จุดมุ่งหมายของผมคือ ทำให้ประชาชนรักกองทัพเรือและทหารเรือมากขึ้น ทั้งนี้ผมขอขอบคุณ พล.ร.ท.ประพฤติพร อักษรมัต ผู้ช่วยเสนาธิการทหารเรือ ฝ่ายกิจการพลเรือน ผู้ผลักดันให้ผมมีวันนี้ครับ”
เมื่อถามว่าเสน่ห์ของตัวเองอยู่ตรงไหน หมวดโรจน์ บอกว่า เสน่ห์ของผู้ชายอยู่ที่ความคิด เมื่อเราคิดดีเสน่ห์ก็จะตามมา การเป็นคนยิ้มง่าย มีมนุษยสัมพันธ์ดี ก็เป็นเสน่ห์ที่สำคัญ “โซเชียลเน็ตเวิร์กทำให้มีคนรู้จักผมมากขึ้นก็จริง แต่ชีวิตผมก็ยังเหมือนเดิมคือ เป็นคนธรรมดาใช้ชีวิตเรียบง่ายเหมือนที่เคย หลายคนชอบที่ผมเป็นผม เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ผมจึงไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเลยครับ”
หมวดโรจน์ ทิ้งท้ายว่า ปรัชญาในการทำงานของเขาก็คือ การทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด โดยให้ความสำคัญกับคนรอบข้าง ครอบครัว และคนที่เขารักมากที่สุดควบคู่ไปด้วยเสมอ
ร.ต.ฉัตรพล มณีรินทร์ หมวด ทบ.นักกีฬา
แม้จะเป็นถึงทายาท พล.ท.พอพล มณีรินทร์ ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า แต่น้ำเสียงของ ร.ต.ฉัตรพล มณีรินทร์ หรือหมวดอั้ม วัย 25 ปี ก็นอบน้อมและถ่อมตนอยู่ในที เขาเริ่มเล่าถึงหน้าที่การงานว่า ขณะนี้มีตำแหน่งเป็นผู้บังคับหมวดกองร้อยปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน กองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 4 เกียกกาย ซึ่งหน้าที่ของหน่วยนี้คือเป็นเหล่าที่สนับสนุนการรบ ทำหน้าที่ป้องกันอากาศยานจากข้าศึก
“สมมติว่ามีข้าศึกบินเข้ามาในเขตพื้นที่ของเรา หน่วยของผมมีหน้าที่สกัดกั้นภัยที่เข้ามาทางอากาศทุกรูปแบบครับ แต่มักจะมีคนถามว่างานหนักไหมช่วงนี้ เพราะหลายคนเห็นภาพจากสื่อก็ดูเหมือนว่าทหารออกไปทำงานกับประชาชนเยอะ ไม่ใช่เฉพาะช่วงนี้นะครับ จริงๆ แล้วเราทำแบบนี้มานานแล้ว เป็นนโยบายของกองทัพบก ยามรบเราก็ทำศึก ยามปกติเราก็พัฒนากำลังพล และช่วยเหลือประชาชน แต่ช่วงนี้อาจจะเห็นว่าทหารออกสื่อบ่อย เลยคิดว่าเรางานเยอะ”
จบจากเรื่องงานก็ถามถึงที่มาของการเป็นที่รู้จักในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์กบ้าง หมวดอั้ม บอกว่า จุดเริ่มต้นคล้ายกับเพื่อนรุ่นพี่นายทหารหลายๆ คน ที่มีคนนำภาพไปลงในหน้าแฟนเพจ “หนุ่มไฉไล by นายร้อยครับผม” จึงทำให้เป็นที่รู้จักและติดต่อให้ร่วมงานหลายๆ ด้าน เช่น ออกสื่อโทรทัศน์บ้าง หรือมีกิจกรรมเพื่อสังคมอื่นๆ บ้าง “ผมทำกิจกรรมร่วมกับเพจ ไปบริจาคของเลี้ยงอาหารเด็กด้อยโอกาส คนก็น่าจะรู้จักเราจากตรงนั้น คงไม่ได้ดัง แต่คงมีคนรู้จักมากขึ้น แต่สุดท้ายก็คงไม่ไกลไปกว่านี้ครับ เพราะงานหลักของผมคือทหาร มีหน้าที่ทำประโยชน์ให้ประชาชนเหมือนข้าราชการทั่วไป”
ทหารหนุ่มบอกว่า การเป็นที่รู้จักนั้นจะเอื้อต่อการปฏิบัติหน้าที่ได้สะดวกขึ้นในบางโอกาส โดยเฉพาะกับงานของทหารบกที่ไม่ได้ทำงานด้านเดียว ต้องลงพื้นที่ทำงานร่วมกับพลเรือน เช่น การเข้าถึงพื้นที่ การช่วยเหลือประชาชน หรือการทำความเข้าใจ การสร้างเครือข่ายกับหน่วยงานต่างๆ จึงสำคัญ
เราสังเกตว่า หากพูดถึงเรื่องงานหมวดอั้มจะกลายเป็นนายทหารที่ขึงขังทันที “จริงๆ ผมเป็นคนอารมณ์ดีมาก ออกจะติดดินด้วยซ้ำ แต่เวลาอยู่ในเครื่องแบบก็ต้องน่าเชื่อถือ เพราะเราต้องทำหน้าที่ ผมถูกสอนมาโดยตลอดว่า ทหารบกต้องทำงานกับคนหมู่มาก ซึ่งบางครั้งคนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาก็อายุมากกว่า ผมจบมาเป็นผู้หมวดใหม่จะปกครองคนที่อายุมากกว่าต้องทำยังไงให้ซื้อใจเขาได้
“คติที่ผมยึดถือมาตลอดตั้งแต่เรียนโรงเรียนนายร้อยก็คือ ตัวอย่างที่ดีมีค่ากว่าคำสอน ถ้าเราอยากให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นแบบไหน เราก็ต้องทำให้เป็นแบบอย่าง ไม่พูดไม่บ่นในสิ่งที่ตัวเองทำไม่ได้ ต้องเป็นตัวอย่างที่ดี ต้องพูดให้น้อยและทำให้มาก”
เมื่อถามถึงนิยามตัวตนของเขา หมวดอั้มตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “นอกจากผมจะยิ้มง่ายแล้ว ผมว่าผมเป็นคนติดกีฬามากๆ คนหนึ่งครับ คือว่างไม่ได้จะชอบเล่นกีฬาให้ได้เหงื่อ หรือไม่วันทำงานบางทีก็วิ่งในค่ายจนดึกก็มี ติดถึงขนาดนั้น ผมเล่นกีฬาทุกประเภท แต่ไม่เก่งสักอย่าง (หัวเราะ) คือ ถ้าไม่ได้ทำงานจะเห็นผมได้ในสนามกีฬาไม่ที่ใดก็ที่หนึ่งครับ”
ร.ต.ท.อคร กล่อมกูล ตำรวจนักเดินทาง
ตำรวจหนุ่มหน้าตาคมสันวัย 26 ปี พื้นเพเป็นคนลพบุรี สำเนียงออกเหน่อเล็กๆ คือเสน่ห์ที่สัมผัสได้จาก ร.ต.ท.อคร กล่อมกูล หรือหมวดแฮม รองสารวัตรกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า กองปราบเศรษฐกิจ
หมวดแฮม บอกว่า ที่ถูกยกให้เป็น 1 ในเน็ตไอดอลจาก 4 เหล่าทัพ คงเป็นเพราะโดยส่วนตัวเป็นคนชอบถ่ายภาพและเดินทางท่องเที่ยว ดังนั้นคนที่ติดตามทางเฟซบุ๊ก (Facebook.com/ham.stermanic) จะเห็นมุมมองที่สบายๆ ของเขาที่นอกเหนือจากการปฏิบัติหน้าที่ราชการที่รับผิดชอบด้านการกระทำความผิดด้านเศรษฐกิจ ปราบปรามของหนีภาษี และของละเมิดลิขสิทธิ์
“ในความคิดของผม สังคมเราเครียดและวุ่นวายมากพอแล้ว อยากให้คนที่เป็นเพื่อนในโซเชียลเน็ตเวิร์กผ่อนคลาย จึงไม่นำภาพขณะปฏิบัติหน้าที่ หรือภาพที่สื่อถึงความหดหู่มาลง คนที่เข้ามาพูดคุยก็จะเห็นภาพนายตำรวจนักกิน ภาพการเดินทาง เห็นมุมสบายๆ ของผม บางคนอาจจะแปลกใจว่า ตำรวจมีมุมแบบนี้ด้วยหรือ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่ายังมีคนมองตำรวจหรือทหารเพียงแค่ด้านเดียวอยู่ อาจจะดีหรือไม่ดีแล้วแต่ประสบการณ์ที่แต่ละคนประสบมา แต่ในพื้นที่ของผมเขาจะได้เห็นมุมอื่นๆ ที่แตกต่างออกไป"
เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรที่ได้เทียบเชิญไปประกาศรางวัลด้านบันเทิง หมวดแฮมหัวเราะเบาๆ ก่อนตอบว่า "นี่ก็ไม่ใช่การพบกันครั้งแรกของพวกเรา 4 คนนะครับ เรารู้จักกันอยู่แล้วเพราะจบโรงเรียนนายร้อยเหมือนกัน เคยเห็นหน้าค่าตากันมาพอสมควร ถือเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ทำงานที่สนุกอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่ผมจะบินไปเรียนต่อด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่ประเทศอังกฤษในปลายปีนี้"
แม้ตลอดการสนทนาจะได้ยินแต่เสียงหัวเราะจากตำรวจหนุ่ม จึงตัดสินใจถามว่า จริงๆ แล้วเป็นคนร่าเริงตลอดเลยหรือ ก็ได้รับคำตอบว่า "ผมเป็นคนเต็มที่กับทุกอย่างนะครับ งานก็เต็มที่ เวลาว่างก็หาความสุขและแรงบันดาลใจเต็มที่ เป็นคนไม่ค่อยเสียดายกับสิ่งที่ผ่านไปแล้ว เพราะทุกครั้งที่ผมทำอะไร ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาล้มเหลวก็ไม่เป็นไร เพราะเราถือว่าเราทุ่มสุดๆ แล้ว ดีกว่าเราทำไม่เต็มที่แล้วมาเสียดายทีหลัง"
สำหรับคนที่ติดตามเฟซบุ๊กของหมวดแฮม ปลายปีนี้คงจะได้เห็นภาพสวยๆ และเรื่องราวการเดินทางของตำรวจนายนี้จากเมืองผู้ดีแน่นอน