posttoday

ท่องโพนพิสัย เมืองพญานาคราช

05 ตุลาคม 2557

ตัวอักษรสีแดงบนปฏิทิน “วันออกพรรษา” ตรงกับวันที่ 8 ต.ค.

โดย...นายใจดี

ตัวอักษรสีแดงบนปฏิทิน “วันออกพรรษา” ตรงกับวันที่ 8 ต.ค.

“15 ค่ำ เดือน 11” เทศกาลนี้จะมีที่ไหนน่าไปเท่ากับ “ไปดูบั้งไฟพญานาค” ที่ อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ดินแดนเหนือสุดของแผ่นดินอีสาน จังหวัดที่มีแผนที่คดเคี้ยวลัดเลาะไปตามลำน้ำโขง (ลักษณะเหมือนลำตัวของพญานาค) อีกฟากฝั่งคือมิตรประเทศ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว แน่นอนล่ะว่า เสียงร่ำลือของตำนานพญานาคและลูกไฟที่ผุดขึ้นกลางลำน้ำโขง ที่เรียกขานกันว่า “บั้งไฟพญานาค” เป็นจุดดึงดูดความสนใจให้ผู้คนหลั่งไหลมาเยือนจังหวัดเล็กๆ ที่ครั้งหนึ่งติดอันดับ 7 เป็นจังหวัดที่น่าอยู่ที่สุดในโลก ถนนสายหลักเพียงเส้นเดียว 4 เลน จากตัว อ.เมือง ไปยัง อ.โพนพิสัย ระยะทาง 45 กม. ในวันเทศกาลจึงหนาแน่นไปด้วยรถราติดป้ายทะเบียนแทบทุกจังหวัดในประเทศไทย ทั้งจากภาคใต้ เหนือ ตะวันตก ตะวันออก กลาง

โรงแรมสถานที่ท่องเที่ยวในตัวจังหวัด ไม่ว่าจะเป็น ตลาดท่าเสด็จ วัดโพธิ์ชัย ต่างเนืองแน่นไปด้วยผู้คน ยิ่งในเขต อ.โพนพิสัย จุดที่ว่ากันว่า บั้งไฟพญานาคขึ้นเยอะที่สุด อำเภอเล็กๆ ริมฝั่งโขง จึงคับคั่งไปด้วยผู้คนจากทุกสารทิศ ดังนั้นการวางแผนก่อนออกเดินทาง จะทำให้การท่องแดนพญานาคราช ไม่ขุ่นเคืองในอารมณ์

ท่องโพนพิสัย เมืองพญานาคราช

 

ว่าไปแล้วผู้คนที่มุ่งหน้ามา จ.หนองคาย ในเทศกาลออกพรรษา เพื่อต้องการดูบั้งไฟพญานาคเป็นสำคัญ ทว่าหากมีเวลามาก่อนสักนิดหรืออยู่ต่อหลังวันเทศกาลสักหน่อย จะได้สัมผัสความงามของเมืองเล็กริมฝั่งโขง เช้าตรู่ที่มีละอองหมอกลอยเหนือแม่น้ำโขง เสียงเจื้อยแจ้วของแม่ค้าพ่อขายที่ตลาดเช้า เดินชมเมืองไหว้พระเพียงครึ่งวันก็เอาอยู่ ชมพระอาทิตย์ลาลับยามอัสดง วิถีวัฒนธรรมของเมืองเล็กที่คนเมืองใหญ่มองข้าม เพียงมาชมบั้งไฟพญานาคแล้วก็ลาจากไกล แต่ลืมเสพความสุนทรีย์ความงามแบบวิถีของชาวลุ่มน้ำโขง และความเชื่อวัฒนธรรมประเพณีที่เขามีอยู่มาชั่วนาตาปี

เรื่องราวเล่าขานตำนานพญานาคต่างๆ มีอิทธิพลไปถึงสถาปัตยกรรม โบราณสถาน วัดวาอาราม ต่างมีตำนานเกี่ยวพันกับพญานาค โดยเฉพาะ อ.โพนพิสัย ที่ชาวบ้านมีความเชื่อว่า มีเมืองบาดาลอยู่ใต้อำเภอนี้ อ.โพนพิสัย เป็นเมืองเก่าเมืองแก่ที่สุดของ จ.หนองคาย มีประวัติเมืองยาวนาน ตามพงศาวดารล้านช้าง เรียกว่า “เมืองปากห้วยหลวง” ในปี 1901 พระเจ้าฟ้างุ้มมหาราชเริ่มก่อตั้งอาณาจักรล้านช้างและยกทัพมาตีเมืองนี้ได้ พร้อมได้ยกฐานะให้เป็นเมืองลูกหลวงและเป็นเมืองด่านสำคัญของอาณาจักรล้านช้าง ต่อมาปี 2449 “พระยาพิสัยสรเดช” ผู้ว่าราชการเมืองได้ยุบเมืองปากห้วยเป็น “อ.โพนพิสัย”

ท่องโพนพิสัย เมืองพญานาคราช

 

ลักษณะของ อ.โพนพิสัย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ด้านหัวเมืองจะมีลำห้วยหลวงไหลออกมา เรียกว่า ปากห้วยหลวง ตรงข้ามกับ อ.โพนพิสัย คือ บ้านโดน ที่ขึ้นกับเมืองปากงึม ประเทศลาว

“วัดมณีโคตร” สร้างปี 2518 เป็นวัดที่สำคัญ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของ “หลวงพ่อพระเสี่ยง” เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หล่อจากทองสัมฤทธิ์ หน้าตัก 8 นิ้ว สูง 24 นิ้ว หนักประมาณ 100 กิโลกรัม เป็นพระพุทธรูปที่เก่าแก่และสวยงามมาก เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ประจำ อ.โพนพิสัย ดั่งคำขวัญ “หลวงพ่อพระเสี่ยงคู่บ้าน ปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค”

ท่องโพนพิสัย เมืองพญานาคราช

 

“วัดไทย” สร้างขึ้นราวปี 2310-2320 (อยู่ริมฝั่งโขง) เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ผู้คนหลั่งไหลมาเพื่อรอชมบั้งไฟพญานาค เพราะเชื่อว่าเป็นจุดที่ขึ้นเยอะที่สุด เพราะเป็นเมืองปากบาดาลพญานาค ทว่านักท่องเที่ยวต่างถิ่นหลายพันหลายหมื่นคนมาเพียงเพื่อจับจองที่นั่ง แต่ลืมที่จะสนใจในความงามของสถาปัตยกรรม และความศักดิ์สิทธิ์ของ “หลวงพ่อใหญ่” เป็นพระพุทธรูปก่ออิฐถือปูน หน้าตักกว้าง 1.5 เมตร สูง 2.5 เมตร ชาวบ้านเคารพศรัทธาและเชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์ถึงเมืองบาดาลเลยทีเดียว

เล่ากันว่า บริเวณวัดไทยนี้มีอุโมงค์ใต้น้ำลึกถึงเมืองบาดาลที่มีเหล่าพญานาคอาศัยอยู่ และพญานาคจะให้ความเคารพต่อองค์หลวงพ่อใหญ่ยิ่งนัก ดังจะเห็นได้ว่า ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปีจะมีลูกไฟขนาดเท่าไข่ไก่ สีแดงอมชมพู (ในอดีตเรียกกันว่าลูกไฟผี) ผุดขึ้นจากลำน้ำโขงลอยสูงประมาณ 20 เมตร ไม่มีลำแสงมีแต่ลูกไฟเท่านั้น ก่อนจะหายลับตาไป ไม่โค้งตกลงมา ตามตำนานเชื่อกันว่า เป็นลูกไฟที่พญานาคจุดขึ้นเพื่อเป็นการสักการะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและองค์หลวงพ่อใหญ่ วัดไทยแห่งนี้

ท่องโพนพิสัย เมืองพญานาคราช

 

นอกจากนี้ ภายในบริเวณวัดไทย ยังมี “ถ้ำบาดาลจำลอง” และ “เสาหลักเมืองจำลอง” โดยสร้างเป็นราชาพญานาค “นาคราชัยยัญ” นาคปรก 9 เศียร หันหน้าไปทางแม่น้ำโขง ขนาดหน้าตัก 5 นิ้ว สูงถึง 16 นิ้ว งดงามยิ่งใหญ่ อลังการมาก โดยในปี 2550 เจ้าอาวาสวัดไทยได้นิมิตว่า มีหญิงชาย ร่างกายสีดำ มาอาราธนานิมนต์ให้สร้างสัญลักษณ์ประจำเมืองบาดาล หรือเมืองพญานาคขึ้นไว้ที่เมืองมนุษย์ ณ บริเวณวัดไทย โดยขอสร้างเป็นสัญลักษณ์ ดังต่อไปนี้

1.ราชาแห่งพญานาคสีดำ ผู้เฝ้าประตูทางเข้าเมืองบาดาลสูง 19 เมตร

2.สร้างเป็นนาคบาศ คือ งูกินหาง หรือนาคกินหางตัวเอง หมายถึง ความอุดมสมบูรณ์ของบ้านเมือง กินไม่หมด

3.เสาหลักเมืองบาดาล มีรูปทรงสามเหลี่ยม ไม่เหมือนเมืองมนุษย์ทรงกลม

4.ประตูทางเข้าเมืองบาดาล

5.ถ้ำจำลอง มี 7 ห้อง ของเมืองบาดาล

ท่องโพนพิสัย เมืองพญานาคราช

 

ภายในถ้ำบาดาลจำลองมีข้าวของเครื่องใช้จำลองไว้ พร้อมทั้งป้ายอธิบายถึงที่มาที่ไปของห้อง ระยะทางไม่ยาวนัก คดเคี้ยวไปมา ประมาณ 100 เมตร ภายในไม่กว้างมาก ต้องทยอยเข้า เดินตามกันไปชมแต่ละจุดได้ประมาณ 45 คน กำลังดี

แม้ว่าการเดินทางของผู้คนต่างถิ่นมายัง อ.โพนพิสัย จะนิยมมาช่วงเทศกาลออกพรรษา และปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคที่เกิดขึ้นจะเป็นเพียงความเชื่อ ที่ยังไม่มีใครพิสูจน์ได้ มีเพียงศรัทธาของผู้คนเท่านั้นที่ทำให้เขาเชื่อในสิ่งที่เห็นหรือไม่ ทว่าเมืองแห่งนี้เปิดรับนักท่องเที่ยวให้มาเยือนอยู่เสมอ โดยเฉพาะฤดูหนาวบรรยากาศของเมืองริมฝั่งโขงให้ความรู้สึกหนาวเย็นบนผิวแต่อบอุ่นท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่เรียบง่าย

การเดินทางจากกรุงเทพฯ ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ รถโดยสารปรับอากาศประมาณ 810 ชม. ใช้ทางหลวง หมายเลข 2 (มิตรภาพ) สอบถามเพิ่มเติมสมาคมส่งเสริมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดหนองคาย โทร.042-420-033

ท่องโพนพิสัย เมืองพญานาคราช

 

ท่องโพนพิสัย เมืองพญานาคราช