posttoday

ลินดา เมฆดารา สร้างคนเก่งคนดีสู่สังคม

11 พฤศจิกายน 2557

คนเก่งทุกคนใช่ว่าจะเป็นคนดีเสมอไป บางคนเก่งกาจสามารถเป็นนักบริหาร เป็นผู้นำที่ชาญฉลาดหัวไบรต์สุดๆ

โดย...วราธาร ทัดแก้ว

คนเก่งทุกคนใช่ว่าจะเป็นคนดีเสมอไป บางคนเก่งกาจสามารถเป็นนักบริหาร เป็นผู้นำที่ชาญฉลาดหัวไบรต์สุดๆ แต่อย่าเพิ่งสรุปว่าเขาคนนั้นเป็นคนดี เพราะคนเก่งบางคนก็มุ่งหาประโยชน์ใส่ตนและพวกพ้องเมื่อเห็นช่องสบโอกาส เกี่ยวกับเรื่องนี้ทำให้สาวสวย "โอ๋" ลินดา เมฆดารา เจ้าของธุรกิจเสื้อผ้าส่งออกต่างประเทศ หันมาจับธุรกิจถึงการสร้างคนเก่งและคนดีสู่สังคม

การสร้างคนเก่งและคนดีในมุมของลินดาก็คือการทำโรงเรียนอินเตอร์ชื่อโรงเรียนนานาชาตินอริช ปัจจุบันตั้งอยู่ในโครงการณุศาศิริ ซิตี้ ย่านพระราม 2 ซึ่งเธอนั่งในตำแหน่งกรรมการบริหารด้วย โดยร่วมกับหุ้นส่วนที่เป็นคนสนใจและศึกษาพระพุทธศาสนาเฉกเช่นเดียวกัน และเพิ่งเปิดเรียนไปเมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งในปีการศึกษาแรกนี้ได้เปิดสอนตั้งแต่ชั้นเนิร์สเซอรี่จนถึง Year 3 (ป.2) และจะขยายการเรียนการสอนไปถึงระดับชั้น Year 13 (ม.6) ในปี 2559

ลินดา เล่าว่า แม้จะไม่เคยมีประสบการณ์ทำโรงเรียนมาก่อน แต่เมื่อมีความตั้งใจมั่นในการที่จะสร้างคนเก่งและเป็นคนดีแล้ว ต้องทำให้พิเศษและนอกเหนือจากที่คนอื่นทำ ดังนั้นในมุมมองส่วนตัวจึงต้องเป็นโรงเรียนนานาชาติเท่านั้นเพื่อรองรับเออีซีด้วย ที่พิเศษกว่านั้นคือโรงเรียนได้ใช้หลักสูตรการเรียนการสอนจากประเทศอังกฤษ (British Curriculum) จากประเทศอังกฤษ (British Curriculum) หลักสูตรพัฒนาสมอง และไฮไลต์สำคัญคือได้นำเอาหลักสูตรธรรมะที่เป็นคำของพระพุทธเจ้าเข้ามาสอน ซึ่งไม่เคยมีโรงเรียนอินเตอร์ที่ใดในประเทศทำมาก่อน

ลินดา เมฆดารา สร้างคนเก่งคนดีสู่สังคม

"เราเป็นโรงเรียนอินเตอร์แห่งแรกในประเทศไทยที่นำเอาหลักสูตรซึ่งเป็นคำของพระพุทธเจ้าเข้ามาใช้ โดยเปิดสอนในเวลา 14.30-15.30 น. ของทุกวันหลังจากเรียนหลักสูตรอินเตอร์ที่เด็กต้องเรียนต้องพูดภาษาอังกฤษตลอดตั้งแต่ 08.30-14.30 น. ซึ่งผู้ปกครองจะให้ลูกเรียนก็ได้ไม่เรียนก็ได้ไม่ได้บังคับ ทั้งนี้ตั้งแต่เปิดสอนมาฟีดแบ็กดีมาก

ผู้ปกครองหลายคนมาเล่าให้ฟังตลอดว่า ลูกๆ เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีอย่างน่าชื่นใจ เช่น ใจเย็นลง ไม่เอาแต่ใจ รู้จักสัมมาคารวะ เวลาทำผิดรู้จักขอโทษ ยิ่งกว่านั้นบางคนเวลาพ่อแม่โมโหก็พูดในทำนองให้สติพ่อแม่ เห็นอย่างนี้เราจึงมั่นใจมากว่าทั้งสามสิ่งนี้จะทำให้นักเรียนเติบโตเป็นเด็กที่เก่งด้านวิชาการ มีสมองที่ชาญฉลาด ทั้งฉลาดในความคิด ฉลาดในอารมณ์ ฉลาดในการแสดงออก และเป็นคนดีของสังคมแน่นอน เพราะพวกเขาได้รับภูมิคุ้มกันที่ดีตั้งแต่ยังเด็ก"

การตัดสินใจทำโรงเรียนนานาชาติเชิงพุทธทั้งที่ไม่เคยทำโรงเรียนมาก่อน ผู้บริหารสาวบอกว่า แม้ไม่เคยมีประสบการณ์แต่ก็มีต้นทุนทางพระพุทธศาสนาที่สั่งสมมาตั้งแต่ยังเด็กจนถึงปัจจุบัน จากการที่คุณแม่พาเข้าวัด ฟังเทศน์ ปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ และศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าจากครูบาอาจารย์และหนังสือมาเป็นลำดับ ถือว่าเป็นคนมีพื้นฐานจิตใจทางด้านศาสนา ดังนั้นถ้าคิดจะสร้างคนให้สมบูรณ์คือเก่งและเป็นคนดีต้องพัฒนาที่จิตใจควบคู่ไปด้วย

"นี่คือเหตุผลที่เรานำเอาหลักสูตรที่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้ามาใช้ในโรงเรียนอินเตอร์ และโอ๋มองว่าการสร้างโรงเรียนนั้นไม่ยากหรอก แต่การสร้างคนให้เป็นคนดีนั้นยากกว่า หนักกว่าเยอะ นี่แหละคือสิ่งที่เราต้องการที่จะให้เด็กๆ เกิดการพัฒนาจิตใจ โดยเราใช้ธรรมะหล่อหลอมจิตใจเขา

โอ๋คิดว่าบางทีโรงเรียนอื่นก็อยากจะทำ แต่ว่าเขาอาจจะไม่ได้ใส่รายละเอียดเยอะทำให้ไม่เห็นผลชัดเจน แต่ของเราบอกได้เลยว่า เหนื่อยมากในการที่จะดูแลเด็กๆ เพื่อให้พวกเขาได้รับสิ่งที่ดีที่สุด ทั้งความรู้ ความสามารถ ความฉลาด และมีจิตใจที่ดีงาม แต่ทว่าเมื่อมองจากฉลาด และมีจิตใจที่ดีงาม แต่ทว่าเมื่อมองจากผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการที่เพิ่งเปิดสอนมาแค่ 3 เดือนกว่าๆ ต้องบอกว่าหายเหนื่อย เพราะเด็กๆ สนุกมากที่ได้เรียนวิชานี้ เขาเรียนรู้เร็ว พ่อแม่เองก็สุขใจที่เห็นลูกค่อยๆ เปลี่ยนแปลงตัวเองในทางที่เป็นบวก"

ผู้บริหารสาวกล่าวต่อว่า ไม่น่าเชื่อว่าเทอมแรกครูคิดว่าจะสอนแค่เบสิกเกี่ยวกับศีล 5 ตามคอร์สที่ตั้งไว้ แต่พอได้สัมผัสกับเด็กแล้วปรากฏว่าพวกเขาหัวไวไปได้เร็วมากจนเลยจุดนั้นไปแล้ว เด็กบางคนสามารถควบคุมอารมณ์ของเขาได้เลยเมื่อเขารู้สึกไม่พอใจ ไม่แสดงอารมณ์ออกมา บางคนไม่ทันอารมณ์ของตัวเองก็จะบอกครูว่าไม่ทัน เช่น เวลาโมโหก็แสดงอาการออกมาโดยไม่รู้ตัว แต่พอมีสติก็เข้ามาขอโทษ เป็นต้น นี่แหละคือที่เราอยากเห็นนอกจากความรู้ในหลักวิชาการและภาษา

ลินดา เมฆดารา สร้างคนเก่งคนดีสู่สังคม

"ตลอดเวลาที่โอ๋คลุกคลีกับเด็กๆ ได้ลงสถานการณ์จริง ก็จะเห็นว่าพวกเขาสามารถรับรู้ได้ในสิ่งที่ครูสอนและพัฒนาได้ดีมาก มีครั้งหนึ่งที่รู้สึกประทับใจมาก คุณแม่ของเด็กอายุ 4 ขวบคนหนึ่งมาเล่าให้ฟังว่า เวลาที่คุณแม่โมโหทีไรที่บ้าน ลูก 4 ขวบคนนี้ก็จะเตือนแม่ว่าคุณแม่ทิ้งมันสิคะ อย่าไปเก็บมันไว้ คุณแม่ก็ดาวน์ลงมาเลย ซึ่งไม่น่าเชื่อนะว่าเด็ก 4 ขวบจะพูดอะไรเหมือนผู้ใหญ่ โอ๋ว่าอัศจรรย์นะ และนี่คือสิ่งที่เราอยากให้เป็น"

ผู้บริหารสาวเล่าต่อว่า การปลูกฝังเด็กให้เป็นคนดีมีคุณธรรมควรต้องเริ่มสอนตั้งแต่ที่เขายังเด็กอายุน้อยๆ อายุ 2 ขวบ 3 ขวบขึ้นไปจะได้ผลเป็นอย่างดี เพราะเด็กวัยนี้สอนอะไรไปจะรับรู้และจดจำได้ขึ้นใจในทุกสิ่งที่พ่อแม่หรือครูพยายามถ่ายทอด เช่น ทำแบบนี้ดี แบบนั้นไม่ดี พูดอย่างนั้นไม่ดี พูดอย่างนี้เหมาะสม แต่ถ้าคิดจะปลูกฝังสร้างคนในตอนที่เขาโตแล้วเป็นเรื่องยากที่จะสำเร็จ

พร้อมกับทิ้งท้ายว่า โรงเรียนนานาชาติทั่วไปปกติจะเน้นให้เด็กพูดภาษาอังกฤษได้และเก่งในหลักวิชาการเป็นส่วนใหญ่ แต่สำหรับนานาชาตินอริชไม่ได้มองแค่ว่าเด็กต้องเป็นเลิศทางวิชาการเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาจิตใจควบคู่ไปพร้อมๆ กับให้เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับความเป็นไทย ไม่ว่าจะวัฒนธรรมไทย มารยาทไทย ประเพณีต่างๆ ไปด้วย

"เรียกว่ามาเรียนที่นี่นอกจากเด็กจะเก่งระดับอินเตอร์แล้ว พวกเขายังไม่ทิ้งความเป็นไทยและพร้อมพัฒนาตนเป็นคนดีของสังคมต่อไป ซึ่งจะเห็นว่าพอเปิดมาสักระยะหนึ่งก็เห็นผลอย่างที่กล่าวมา เด็กเปลี่ยนแปลงจริง พอได้ฟังสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน เขาสามารถพัฒนาและเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น เช่น ใจเย็นขึ้น ปฏิบัติต่อพ่อแม่ดีขึ้น เจอผู้ใหญ่แสดงความเคารพนอบน้อม เป็นต้น" ผู้บริหารสาวสวยย้ำ

ลินดา เมฆดารา

การศึกษา : ปริญญาตรี บริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค)

ก่อนทำโรงเรียน : ทำธุรกิจเสื้อผ้าส่งออกไปอังกฤษ ดูไบ แอฟริกา และทำเสื้อผ้านักเรียนส่งโรงเรียน สังกัดกรุงเทพมหานคร ทำหนังสือแนวคุณธรรมจริยธรรม ซึ่งเป็นหนังสืออ่านนอกเวลาให้กับ กทม. ทั้งหมด

จจุบันยังคงทำอยู่

วิธีผ่อนคลาย : ไม่คิดว่าการทำโรงเรียนจะเหนื่อยขนาดนี้ เพราะต้องทำด้วยใจและทุ่มเททุกอย่าง เวลาเจอปัญหา จะใช้วิธีนั่งสมาธิเพื่อให้ผ่อนคลาย ให้ใจได้เบาลง เป็นการชาร์จแบต เพราะตลอดทั้งวันใช้ไปเยอะ

มุมมองในการแก้ปัญหา : ทุกที่ย่อมมีปัญหา ถ้าที่ไหนไม่มีปัญหา หมายถึงที่นั่นไม่ได้ทำงาน ดังนั้นที่ที่มีการทำงานจึงต้องมีปัญหาแน่นอน ดังนั้นอย่ากลัวถ้าเจอปัญหา เพราะปัญหาต่างๆ สามารถแก้ได้ด้วยการมีสติและใช้ปัญญาเสมอ

กิจกรรมที่ทำบ่อยๆ : ปกติจะไปวัดทุกวันเสาร์ และค้างที่วัดประจำ ไปปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ วันอาทิตย์ก็ฟังเทศน์แล้ว กลับ พอทำโรงเรียนก็จะนั่งสมาธิที่บ้านแทน แต่อย่างน้อยเดือนหนึ่งต้องหาโอกาสไปวัดไม่ต่ำกว่า 1 ครั้ง