posttoday

หมดเวลาอุเบกขา… ได้เวลาฟื้นมารยาทไทย

12 พฤศจิกายน 2557

ปัจจุบันต้องบอกว่า มารยาทไทยน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง! วันนี้ถึงเวลาที่เราจะต้องมาพูดถึงมารยาทไทยกันแล้วล่ะ

โดย...วรธาร ทัดแก้ว

ปัจจุบันต้องบอกว่า มารยาทไทยน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง! วันนี้ถึงเวลาที่เราจะต้องมาพูดถึงมารยาทไทยกันแล้วล่ะ

ในช่วงที่ผ่านมาได้เกิดเหตุการณ์หลายเหตุการณ์ที่เป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมเกี่ยวกับการแสดงออกของคนไทยบางคนในที่สาธารณะ เป็นต้นว่าการแต่งกายไม่สุภาพเข้าไปในสถานที่ที่ผู้คนเคารพนับถือ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ทางศาสนาหรือสถานที่ใดก็ตามที่มีกฎมีระเบียบปฏิบัติชัดเจน หรือไม่มีกฎระเบียบเขียนไว้ก็ตาม หากขึ้นอยู่กับการมีจิตสำนึกรู้ว่าอะไรควรไม่ควร การแสดงกิริยาคลอเคลียทำนองพลอดรักบนรถไฟฟ้าโดยไม่แยแสสายตาคนรอบข้าง มินับความประพฤติไม่เหมาะสมอื่นๆ ที่เกิดขึ้นทุกวันทุกที่ เพียงแต่อาจจะไม่เป็นข่าวเท่านั้น เช่น อาจเกิดขึ้นในสถาบันครอบครัว อาจเกิดขึ้นในโรงเรียน อาจเกิดขึ้นในวัด หรือศาสนสถานต่างๆ หรือสถานที่สาธารณะอื่นๆ  

สิ่งเหล่านี้ หากเกิดขึ้นกับสังคมอื่นอาจไม่มีเอฟเฟกต์อะไรมาก สังคมบางสังคมอาจไม่ถือสา แต่กับสังคมไทยแล้วอย่าได้คิดว่าความประพฤติเยี่ยงนี้เป็นเรื่องปกติที่ใครก็ทำได้ ถ้าหากคิดแบบนี้ ทำแบบนี้ ขอให้รู้ว่านั่นคือมารยาทไทยกำลังถูกสั่นคลอนและถูกท้าทายอย่างแรงและในที่สุดมารยาทไทยก็จะถูกกลืนและก้าวไปสู่ความเสื่อม

ไหนๆ ก่อนไปพูดถึงเรื่องนี้ไปรู้จักคำว่า “มารยาท” หรือ “มรรยาท” ก่อนแล้วจะรู้ว่ามารยาทไทยจริงๆ คืออะไรยังไงจะได้เข้าใจตรงกัน ซึ่งตามพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถานให้ความหมายว่า “กิริยาวาจาที่ถือว่าสุภาพเรียบร้อยถูกกาลเทศะ” ถือว่าจำกัดความได้ชัดเจน เพราะครอบคลุมการแสดงออก ทั้งทางกายและทางคำพูดที่สุภาพเรียบร้อยและเหมาะสมกับกาลเทศะ 

หมดเวลาอุเบกขา… ได้เวลาฟื้นมารยาทไทย

จุดเสื่อม! ของมารยาทไทย

น.อ.ทองย้อย แสงสินชัย ป.ธ.9 อดีตผู้อำนวยการกองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ผู้เขียนหนังสือบาลีวันละคำ ให้ความเห็นว่า อาจเกิดมาจากหลายสาเหตุ แต่หลักๆ จะเกิดมาจากสิ่งที่เรียกว่าโลกาภิวัตน์ ซึ่งหมายถึงการที่ประชาคมโลกไม่ว่าจะอยู่ ณ จุดใดสามารถรับรู้ สัมพันธ์ หรือรับผลกระทบจากสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว กว้างขวาง ฉับพลัน อันเนื่องมาจากการพัฒนาระบบสารสนเทศ เป็นต้นส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งคือการขาดสำนึกที่ดีในแต่ละบุคคลซึ่งเป็นสาเหตุที่สำคัญ

อดีตผู้อำนวยการกองอนุศาสนาจารย์ ให้ความเห็นต่อว่า ความสำนึกนั้นเป็นเรื่องสำคัญมาก ถึงกับพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ได้ทรงเคยเตือนคนไทยไว้เป็นประโยคที่หลายคนจำได้ขึ้นใจว่า การข้างญวนข้างพม่าเราไม่ค่อยจะน่าหนักใจ แต่การข้างฝรั่งนี่ต้องระวังให้ดีจะเสียทีเขา อะไรที่ควรเรียนรู้ของเขาก็ให้เรียนไว้ แต่อย่านับถือเลื่อมใสไปเสียทีเดียว ประโยคนี้สำคัญมาก

“ลองเห็นคนอื่นทำไม่ดีไม่งามเสื่อมทรามอย่างไร ถ้าเรามีสำนึกเสียอย่างก็จะไม่ทำตามอย่างที่เขาทำเด็ดขาด ในทางกลับกันถ้าขาดสำนึกแม้พฤติกรรม การกระทำ หรือค่านิยมไม่ดีไม่งามทั้งหลายจะอยู่ไกลแค่ไหนหรือคนละทวีป คนคนนั้นก็จะขวนขวายไปเสาะหาเอาของเขามาทำตามโดยที่ไม่มีสำนึก เหมือนสมัยหนึ่งที่คนไทยไปเรียนต่างประเทศใหม่ๆ พอกลับมาก็คิดเหมือนกับประเทศที่ตนไปเรียน อยากทำตามเขาจนกระทั่งเกิดผลที่ไม่พึงประสงค์หลายเรื่อง หรือแม้แต่การแต่งตัวไม่เหมาะสมไปในวัดผมเห็นมาหลายปี เช่น เวลาไปเวียนเทียน งานบุญงานวัดถ้าเป็นลูกหลานผมตีเลย ซึ่งต่างจากสมัยก่อนเมื่อ 50-60 ปีขึ้นไป ผู้คนเขาเคารพสถานที่ มีความเคารพอ่อนน้อมต่อผู้หลักผู้ใหญ่” น.อ.ทองย้อย ห้ความเห็น

หมดเวลาอุเบกขา… ได้เวลาฟื้นมารยาทไทย

ด้าน พล.อ.ธงชัย เกื้อสกุล ประธานองค์กรเครือข่ายชาวพุทธแห่งประเทศไทย กล่าวว่า มารยาทและวัฒนธรรมไทยมักจะถูกละเมิดจากบุคคลที่ห่างไกลความรู้และเข้าใจในมารยาท ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรมอันดีงามของไทย ซึ่งเป็นต้นเหตุเกิดมาจากการศึกษาของไทยตั้งแต่เริ่มต้น และที่ปฏิเสธไม่ได้คือการไหลบ่าของวัฒนธรรมตะวันตกที่คนไทยไปรับมาโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม

“เรื่องการศึกษาสำคัญมาก จะเห็นว่าเกี่ยวกับหลักสูตรการเรียนการสอนสมัยก่อนเรามีวิชาที่สำคัญๆ หลายวิชา เช่น วิชาศีลธรรม วิชาพระพุทธศาสนา วิชาหน้าที่พลเมือง ซึ่งดีมากเลย แต่สมัยนี้หลักสูตรวิชาเหล่านี้ไม่มีให้เห็นแล้ว เป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก อีกประเด็นหนึ่ง มาจากการไหลบ่าของวัฒนธรรมตะวันตกที่เราไปรับมา ซึ่งบางอย่างพอไปรับมาโดยที่ไม่ได้คิดถึงผลดีผลเสียต่อมาก็เกิดการละเมิดศีลธรรม มารยาท ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม บางคนพยายามที่จะทำให้สิ่งเหล่านี้ค่อยๆ กลายเป็นเรื่องปกติในความรู้สึกของคน อย่างไรก็ตามสถานการณ์ของมารยาทและวัฒนธรรมไทยในเวลานี้ต้องขอใช้คำว่า “ย่อหย่อน” เด็กรุ่นใหม่มักจะมองเป็นเรื่องโบร่ำโบราณ  ล้าสมัย ไม่ทันกับอารยธรรมตะวันตก ถือเป็นมุมมองที่ไม่เป็นผลดีต่อสังคมไทย แน่นอนต้องรีบหาทางแก้ไข ปล่อยไว้นานๆ จะแก้ไขยาก”

หมดเวลาอุเบกขา… ได้เวลาฟื้นมารยาทไทย

 

 

เช่นเดียวกับ พระราชธรรมนิเทศ (พยอม กัลยาโณ) เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า เกิดจากวัฒนธรรมตะวันตกที่ไหลบ่อเข้ามาแล้วคนไทยบางคนก็เคลิบเคลิ้มเพลิดเพลินจนลืมเรื่องมารยาทที่เคยงดงามแบบไทยๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเคารพสถานที่ การเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ การแต่งกายที่เหมาะสมกับกาลเทศะ

“ตอนนี้สังคมไทยเกิดค่านิยมแหกคอกนอกระเบียบเหยียบกฎกันแล้ว อะไรที่เขาวางไว้ก็ชอบละเมิดฝ่าฝืน เหมือนอย่าง ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ท่านพูด คนไทยชอบทำตามใจตัวเองจนเคยชิน จนทำลายกรอบระเบียบแบบแผน ซึ่งพอคนหนึ่งทำได้ อีกคนก็ต้องอ้างว่าคนนั้นยังทำได้เลย คนโน้นแต่งตัวโป๊ไปในที่นั้นๆ ได้ ฉันก็แต่งได้เหมือนกัน แล้วพอคนนั้นคนนี้ทำสุดท้ายก็กลายเป็นความเคยชิน จนบางคนมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่จริงๆ ไม่ใช่เลย เป็นเรื่องที่คนไทยต้องกลับมาคิดใหม่ทำใหม่และหันมาประพฤติและรักษามารยาทและวัฒนธรรมที่ดีงามที่ปู่ย่าตายายสร้างมา” พระอาจารย์พยอม ให้ความเห็น

หมดเวลาอุเบกขา… ได้เวลาฟื้นมารยาทไทย

 

แนวทางการแก้ปัญหา

เกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหา น.อ.ทองย้อยให้แนวคิดว่า การแก้ปัญหาพื้นฐานที่สำคัญที่สุดต้องเริ่มที่สถาบันครอบครัวเป็นอันดับแรก ซึ่งทำได้เลย ไม่ต้องรองบประมาณ หรือรอผู้บริหารบ้านเมือง หรือผู้มีหน้าที่เกี่ยวกับเรื่องนี้จะมีนโยบายหรือมาตรการอะไรลงมา และไม่ต้องคิดว่าคนอื่นจะทำหรือไม่ทำ

“ตามความเห็นของผมต้องเริ่มที่ครอบครัว โดยพ่อแม่ต้องหมั่นอบรมสั่งสอนลูกๆ ตั้งแต่พวกเขายังเด็กเกี่ยวกับมารยาทและวัฒนธรรมไทยที่ดีงาม เช่น การพูดการจา การเดิน การนั่ง การกิน การแต่งตัว การเคารพต่อสถานที่ การกราบ การไหว้ การมีสัมมาคารวะต่อผู้หลักผู้ใหญ่ แต่ก็น่าหนักใจเพราะครอบครัวที่เป็นพื้นฐานในการแก้ปัญหาก็มีปัญหาเสียเอง ยกตัวอย่างบ้านผม ว่ากันตามจริงอยู่ในดงสลัม หน้าบ้านด่ากันสามเวลาหลังอาหาร บ้านข้างๆ เปิดเพลงดัง ผมและครอบครัวไม่เป็นอะไรเพราะเราฉีดวัคซีนป้องกันไว้หมด

ผมจะอบรมปลูกฝังลูกๆ ให้รู้ว่าอะไรดีไม่ดีมาตั้งแต่เด็ก เด็กคนอื่นสามทุ่มยังวิ่งกลางถนน ไม่รู้พ่อแม่อยู่ไหน แต่บ้านผมหลังเลิกเรียนลูกๆ ทุกคนจะถึงบ้านไม่เกิน 5 โมงเย็น เปลี่ยนชุด ทำการบ้าน และทำงานบ้านช่วยกัน ไม่มีใครว่างแม้การเล่นยังต้องจัดตาราง 5 โมงต้องออกไปเล่นกับเพื่อนให้เขามีสังคม บางวันเขากำลังอ่านหนังสือ ผมก็แซวเขานึกขึ้นได้ โอ้...ลืมไปเวลาเล่น พอกลับมาอาบน้ำ ช่วยกันจัดที่กินข้าว ไม่ใช่มานั่งรอกิน 2 ทุ่มพาสวดมนต์ ไม่ใช่มานั่งหน้าจอ เสร็จแล้วไหว้พ่อไหว้แม่เข้านอน

หมดเวลาอุเบกขา… ได้เวลาฟื้นมารยาทไทย

 

นี่คือกระบวนการฝึกอบรมของผม วงจรจะเป็นอย่างนี้ทุกวัน ซึ่งพอฝึกอบรมสั่งสอนเขาทุกวัน ต่อไปก็ไม่ต้องไปจ้ำจี้จ้ำไช เพราะเขาจะรู้หน้าที่ของเขาเองโดยเราต้องทำให้เขาดูด้วย อย่าสักแต่สอน ถ้าทำได้อย่างนี้ทุกครอบครัวหรือโดยส่วนมาก ผมเชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหานี้ได้อย่างแน่นอนและเด็กๆ จะมีสำนึกในตัวเขาอยู่เสมอ”

ขณะที่ พล.อ.ธงชัย มองว่า ช่วงนี้กำลังอยู่ในช่วงของการที่จะปฏิรูปประเทศ ฉะนั้นควรที่จะหันทบทวนว่าถึงเวลาที่จะยกเรื่องนี้ขึ้นเพื่อกำหนดเอาไว้ในการปฏิรูปในการพัฒนาบุคลากรภายในประเทศหรือไม่ เพราะต้องไม่ลืมว่าการพัฒนาคนเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพัฒนาที่จิตใจให้มีศีลธรรม คุณธรรม วัฒนธรรม มารยาท และด้วยหน้าที่ความเป็นพลเมืองที่ดี แต่ถ้าเร่งด่วนจริงๆ สื่อทุกแขนงถือว่ามีบทบาทในการช่วยยับยั้งหรือป้องปรามพฤติกรรมที่ไม่ดี หรือกระตุ้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาสอดส่อง ดูแลหรือหาทางป้องกัน โดยเฉพาะสำนักงานเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม จะต้องเข้ามาดูแล ตลอดภาคเอกชนก็ควรต้องมีส่วนด้วย เชื่อว่าอย่างน้อยสิ่งไม่ดีเหล่านี้จะเบาบางลงไปได้

หมดเวลาอุเบกขา… ได้เวลาฟื้นมารยาทไทย

 

งามอย่างไทยอย่าปล่อยให้เลือนหาย

หากย้อนไปสมัยเมื่อ 50-60 ปีที่แล้ว ต้องยอมรับว่ามารยาทและวัฒนธรรมไทยแสนจะงดงามเป็นที่รักต่อผู้พบเห็น เช่น ตอนเด็กจะถูกอบรมสั่งสอนเสมอว่า เวลาไปเจอคนแก่ที่ไหนต้องยกมือไหว้ หรือเห็นพระที่ไหนต้องหยุดและยกมือไหว้จนกว่าพระจะเดินผ่าน หรือเข้าไปในบริเวณวัดหรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์จะต้องแต่งกายสุภาพ ปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด เป็นต้น แต่ปัจจุบันบางอย่างถูกท้ายโดยบางคนที่ขาดสำนึกและค่อยๆ เลือนหายไปอย่างน่าใจหาย

น.อ.ทองย้อย เล่าถึงความงดงามของมารยาทไทยในสมัยก่อนว่า ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ถ้าเห็นพระเดินมาจะต้องนั่งลงและไหว้แสดงความเคารพจนกว่าพระจะเดินผ่าน ไม่ว่าขณะนั้นกำลังทำอะไรอยู่ก็ตาม ต้องวางสิ่งนั้นลงก่อน เด็กๆ เห็นผู้หลักผู้ใหญ่ต้องแสดงความเคารพ หรือกำลังหาบของเห็นพระกำลังสวนทางมาต้องวางหาบลง ใส่หมวกก็ต้องถอดหมวก ยกมือไหว้จนกว่าพระจะเดินผ่านจึงใส่หมวก หาบของต่อไป

หมดเวลาอุเบกขา… ได้เวลาฟื้นมารยาทไทย

 

“สมัยก่อนยุคผมประมาณ 50 ปี ยังมีคนทำแพร่หลาย แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว เวลาพระเดินสวนกับโยมพระต้องหลีกเอง นี่ก็เป็นเรื่องที่เสื่อม ถ้าพูดอย่างนี้อาจมีคนจำนวนหนึ่งว่า ก็พระทำตัวไม่ดี ไม่น่านับถือ ซึ่งจะพูดอย่างนั้นไม่ได้ ทุกคนต้องรู้หน้าที่ของตัว เหมือนสมัยหนึ่งสื่อเล่นข่าวฉาวพระทุกวันนี้จนกระทั่งคนจำนวนหนึ่งตะโกนออกมาดังๆ ต่อไปนี้จะไม่ใส่บาตรแล้ว อย่างนี้ไม่ถูกต้อง ทำไมเราต้องไปเอาความบกพร่องของพระมาทำให้ตัวเองต้องบกพร่องไปด้วย ต้องแยกให้ชัดเจน เรื่องอย่างนี้ หน้าที่เคารพนับถือนอบน้อมต่อพระเป็นหน้าที่ของชาวพุทธ ส่วนหน้าที่ที่ประพฤติปฏิบัติที่ดีเป็นหน้าที่ของพระ”

อดีตผู้อำนวยการกองอนุศาสนาจารย์ กล่าวต่อไปว่า หากคนไทยไม่พยายามรักษาความเป็นไทยที่ดีงามต่อไประวังจะอายฝรั่งได้ เหมือนครั้งหนึ่งที่วัดมหาธาตุ จ.ราชบุรี  มีฝรั่งสองผัวเมียมาเที่ยววัด ทันทีที่เห็นป้ายเขียนระบุเกี่ยวกับระเบียบปฏิบัติในการเข้าชมพระปรางค์ติดที่ด้านหน้าพระปรางค์ทั้งภาษไทยและอังกฤษทั้งคู่ก็ปฏิบัติตามอย่างเรียบร้อย

หมดเวลาอุเบกขา… ได้เวลาฟื้นมารยาทไทย

 

“เขตคารวสถาน โปรดแต่งกายสุภาพ อยู่ในความสงบ ไม่ส่งเสียงดัง พอฝรั่งสองสามีภรรยาเห็นป้ายดังกล่าวก็ถอดรองเท้า ปลดเป้หลังลง ถอดหมวก คลี่ขากางเกงลง แล้วเดินเข้าไปดูนั่นดูนี่พอดูเสร็จออกมาก็ม้วนขากางเกงกลับขึ้นเหมือนเดิม นี่คือคนมีการศึกษา ต่างจากพี่ไทยเรา อย่าหาว่าผมประชดเลยว่าของอย่างนี้ต้องรอให้ฝรั่งมาสอนต่อไปหรือเราจึงจะไหว้พระเป็น นั่งพับเพียบเป็น เชื่อไหมครับเด็กรุ่นหลังๆ นั่งพับเพียบไม่ค่อยเป็น เอะอะก็นั่งเก้าอี้ เอะอะนั่งลงทีก็ไขว่ห้างปั๊บ”

ขณะที่ พล.อ.ธงชัย กล่าวว่า มารยาทและวัฒนธรรมไทยที่ดีงามทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นการกราบ การไหว้ การเดิน การนั่ง การกิน การพูดการจา ความกตัญญูกตเวที การแสดงความเคารพต่อผู้หลักผู้ใหญ่ การแสดงความเคารพต่อสถานที่ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้มีในประเทศไทยเท่านั้น ถ้าเริ่มปลูกฝังจากในบ้านก็งอกงามไปสู่สังคมระดับใหญ่ขึ้นไปจนถึงระดับชาติ

“สิ่งเหล่านี้คือมรดกทางวัฒนธรรมของชาติที่คนไทยทุกคนจะต้องช่วยกันดูแลรักษาและอนุรักษ์ไว้ไม่เสื่อมสูญและถูกทำลายไป อย่าลืมว่าในปัจจุบันโลกสู้กันทางวัฒนธรรม อย่างเกาหลี ญี่ปุ่น เขาขายวัฒนธรรมของเขาไปทั่วโลก เช่น การแต่งกาย หรืออาหาร คนไทยเรายังรับเอาของเขามาเยอะก็มี เช่น เด็กอาวชีวะบางแห่งนุ่งกระโปรงแบบญี่ปุ่น อย่างนี้เป็นต้น ผมว่าถึงเวลาแล้วที่คนไทยต้องช่วยกันเฝ้าระวัง ป้องกันความเสื่อมทางมารยาทและวัฒนธรรมต่างๆ ที่บางคนสร้างขึ้น ขณะเดียวกันตัวเองก็ไม่ควรละเมิดเสียเอง ตอนนี้เป็นช่วงของการปฏิรูปประเทศก็อยากจะบอกว่าสิ่งเหล่านี้น่าจะอยู่ในแผนปฏิรูปด้วย เชื่อว่าคนไทยคงอยากเห็น” พล.อ.ธงชัย ทิ้งท้าย

หมดเวลาอุเบกขา… ได้เวลาฟื้นมารยาทไทย